ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

แค่เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดก็เข้าใกล้หน้าใส




ก่อนที่จะอ่าน Topic นี้เม้าขอเพื่อนๆอย่างนึงว่า 
"ขอให้อ่านจนจบค่ะ แล้วสงสัยตรงไหนค่อยถามหลังอ่านจบแล้วนะคะ"
เหตุผลที่เม้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะ แชร์ประสบการณ์การดูแลผิวสำหรับเพื่อนๆที่อยากหน้าใส
ได้รู้วิธีที่ถูกต้อง และเป็น Topic ที่อยากจะให้ทุกๆคนได้อ่าน เพื่อเข้าใจอะไรที่ถูกต้อง
และเพื่อแบ่งเบาตัวเองด้วย เนื่องจากเรื่องผิวค่อนข้างละเอียดอ่อน เม้าไม่สามารถที่จะนั่งตอบคำถาม
และอธิบายให้ทุกคนที่เข้ามาปรึกษาได้อย่างยาวเหยียดว่า เราต้องทำยังไงกับผิวหน้าตัวเองบ้าง
เพราะเรื่องผิวละเอียดมากๆค่ะ และการจะให้คำปรึกษาแต่ละเคส ใช้เวลานานมากเช่นกันค่ะ

"หากอยากจะหน้าใส ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่รู้วิธี เพื่อนๆเองก็ต้องเริ่มจากอ่านค่ะ อ่านมันให้จบ
และหลังจากนั้น ค่อยถามในสิ่งที่เม้าไม่ได้เขียนไว้ใน Blog นี้ ได้ตามสบายค่ะ เพื่อแบ่งเบาให้เม้าและเพื่อตัวเพื่อนๆเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดน้า จะได้ดีกับทั้งคนให้คำปรึกษาและเพื่อนๆเองนะคะ" 


สิ่งที่เม้าจะเขียนนี้ คือ
“การดูแลผิวหน้าตามแบบเม้าซ์ ” นั่นเพราะว่ามีวิธีดูแลผิวอีก 108 พันอย่าง
ที่เม้าเองก็ไม่รู้ สิ่งที่เม้าแชร์ให้เพื่อนๆ นั่นคือวิธีที่ใช้ดูแลผิวตัวเอง ประสบการณ์ตัวเองค่ะ
แล้วเพื่อนๆที่เข้ามาคิดว่าวิธีไหนเหมาะกับการนำไปใช้ ก็ยินดีมากๆ ค่ะ  

และก่อนจะเริ่มไปอ่านกัน อย่าลืมนะคะว่า  เม้าไม่ใช่คนผิวดีมาก่อนค่ะ




S T A R T 

เริ่มจากลองถามตัวเองค่ะว่า เป็นหนึ่งในคนที่อยากหน้าใส มองหาแต่ครีมดีๆ ไหมคะ ?​ 
ถ้าใช่เม้าซ์จะบอกว่า เมื่อก่อนเม้าซ์เป็นหนึ่งในคนนั้นค่ะ ตอนเม้ายังมือใหม่ ยังไม่รู้เรื่องผิว
ยังลองผิดลองถูก เม้าซ์ไม่กล้าออกบ้านถ้าไม่ได้ใส่รองพื้นทั้งที่ยังเรียนมัธยม เม้าซ์ไม่มั่นใจเมื่อล้างคสอ.
เม้าไม่มั่นใจเวลาคนจ้องหน้าใกล้ๆในที่สว่าง เม้าซ์ต้องเติมแป้งระหว่างวันบ่อยๆ 
และเม้าซ์ก็ตั้งคำถามเสมอเวลาเจอคนหน้าใสๆว่า "เค้าใช้ครีมอะไรกัน?" 
แล้วเม้าซ์ก็ตระเวนหาครีมที่คนนั้นคนนี้ใช้ ทั้งครีมในเนต ทั้งครีมแบรนด์เคาร์เตอร์แพงๆ 
ลองผิดลองถูก แต่เชื่อไหม ? หน้าก็ไม่ได้ใสอย่างที่เม้าซ์หวังเลย 


อย่างแรกที่เราต้องรู้ "ครีมไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เราหน้าใสค่ะ" 
แต่คนส่วนมากมัก โฟกัสหาแต่ครีมๆๆๆๆ ยิ่งสมัยนี้ง่ายมากที่จะถูกหลอก
ครีมในเนตออกมาเยอะมากๆ 5 วันเห็นผล 7 วันขาวใส 1 เดือนหน้าเด้ง 
เตือนไว้เลยนะคะว่าระวังดีๆ อย่าไปเชื่อแต่รีวิว รีวิวสมัยนี้ก็ซื้อได้ค่ะ 
พวกที่เห็นผลไวๆ เด้งเร็วๆ หยุดใช้ทีหน้าอาจจะพังได้ เคสแบบนี้มาปรึกษากันเยอะมากๆ 
พอเราหน้าพังมา ไม่มีใครมานั่งรับผิดชอบ โทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง รักษาตัวเอง 
เพราะงั้นถ้าเราไม่มั่นใจให้ใช้แบรนด์เคาร์เตอร์ค่ะ ปลอดภัยที่สุด  

วกมาที่ว่า "ครีมไม่ใช่ปัจจัยหลักหมายความว่ายังไง"​?​ 
เมื่อก่อนเม้าซ์เองแต่มองหาครีมที่จะทำให้หน้าใส แต่ทุกวันนี้เม้าถึงได้เข้าใจว่า 
สิ่งที่จะทำให้เราหน้าใส ไม่ใช่แค่เรื่องครีม ที่เม้ากล้าพูดแบบนี้นั้นเพราะ เม้าไม่ใช่คนผิวดีแต่เกิดค่ะ 
เพิ่งจะมาดีไม่กี่ปีนี้ โชคดีที่ว่า "เป็นคนผิวค่อนข้างขาว ไม่มีสิว ไม่เคยติดสารสเตียรอยจนหน้าพัง ไม่เคยเข้าคลินิกทำหน้า" 
แต่ "ก็ไม่ใช่คนหน้าใสแบบที่ใครๆอยากได้" แต่ตอนนี้ 
กลายเป็นคนที่ "พอใจเรื่องผิวหน้าตัวเองขึ้นมาก และไปไหนมาไหนคนก็พากันถาม"  
ต่อให้หน้าสวย แต่หน้าไม่ใส ก็ไม่ค่อยน่ามองเพราะงั้นเม้าถึงกลายเป็น Blogger 
เพื่อจะได้มีช่องทางแชร์ประสบการณ์ตัวเองให้เพื่อนๆที่สนใจค่ะ 
ในเมื่อเม้าไม่ได้ผิวดีแต่เกิด เม้าถึงเชื่อว่าสิ่งต่างๆที่เม้าแชร์จะช่วยเพื่อนๆได้ 


เวลาเราจะใช้ครีมอะไร เราอย่าไปถามว่า "ครีมนั้นดีไหม ครีมนี้ดีไหม?" 
โอเคเม้าอาจจะห้ามไม่ให้ถามไม่ได้ แต่เวลาเราจะใช้ครีมอะไรให้เราศึกษาข้อมูลคร่าวๆก็ถูกต้องละค่ะ 
แต่อย่าใช้คนอื่นเป็นตัววัด เพราะครีมที่คนอื่นใช้แล้วดี เชื่อไหมว่าเราใช้อาจจะไม่ดีก็ได้ 
หรือครีมที่คนอื่นใช้แล้วเฉยๆ มันอาจจะดีมากสำหรับเรา เพราะงั้นถ้าเราเอาความรู้สึกคนอื่นเป็นตัววัด 
เราอาจจะพลาดของดีๆสำหรับเราไปก็ได้ค่ะ เพราะ การจะเลือกครีมนั้น ต้องดูที่
สภาพผิว ปัญหาผิว พื้นฐานผิว และกำลังทรัพย์ค่ะ อย่างเวลาใครมาถามเม้าซ์ว่า 
ใช้ครีมอะไร ? เม้าซ์บอกได้หมด แต่จะบอกเสมอว่าอย่าใช้ตามเม้าซ์ค่ะ เพราะทุกวันนี้
เม้าดูแลผิวค่อนข้างดี จนไม่มีปัญหาผิว เม้าจึงสามารถใช้ครีมอะไรก็ได้ แต่ก็ใช้แล้วไม่ได้เห็น
การเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะงั้นถ้าผิวไม่ได้เหมือนเม้า ก็ไม่ควรเอาความรู้สึกเม้าไปตัดสินค่ะ 

และอีกประสบการณ์เมื่อก่อนนั้นเอง เม้าซ์สรรหาครีมสารพัดอย่างที่เค้าว่าดี 
สิ่งที่เม้าพบนั่นคือ "หน้าไม่ได้จะใสขึ้นสักที"​ทุกวันนี้ทำให้เม้าซ์กล้าพูดว่า 
ครีมไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้หน้าเราใสค่ะ เพราะเรามัวโฟกัสที่ครีมอย่างเดียว 
ซึ่งจริงๆยังไม่ใช่ เราต้องดูแลทุกๆทาง ตั้งแต่การล้างหน้า ถ้ายังล้างหน้าไม่ถูกวิธี ล้างหน้ายังไม่สะอาด 
ต่อให้ครีมแพงแค่ไหน ผิวก็รับสารอาหารไปไม่ได้ มันเกี่ยว และมีผลอย่างมากค่ะ 
เพราะงั้นตั้งแต่ตอนนี้ไป วินาทีนี้ไป ตั้งใจอ่าน แล้วเริ่มนับหนึ่งกันใหม่นะคะ 
เม้าเป็นกำลังใจให้และยินดีหากเพื่อนๆจะมาปรึกษาเม้าซ์กันเพิ่มเติมค่ะ 





ทุกอย่างที่เม้าจะเขียนลงไปต่อจากนี้ ใช้จริง ทำจริง และอาจจะมีเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ 
แต่จะพยายามหาเวลามา Edit ให้เรื่อยๆนะคะ 



เริ่มจากสิ่งที่เม้าให้ความสำคัญที่สุดของที่สุด 
จุดเริ่มต้นที่จะตอบได้ชัดที่สุดว่า คุณจะหน้าใสไหม ?​ สิวไหม?​ อุดตันไหม?​ 




การล้างหน้าค่ะ การล้างหน้าต้องมาก่อนสำหรับเม้า ก่อนหน้านี้ที่เม้ายังไม่ได้ผิวแบบนี้ เม้าก็ไม่เล็งเห็นว่ามันสำคัญสักนิดค่ะ ล้างๆ ปกติ โฟมอะไรได้หมด เรื่องการล้างหน้าก็ไม่คิดเลยว่ามันจะมีผลอะไรกับหน้าขนาดนั้น​?​ (แค่ล้างหน้านะ จะอะไรนักหนา)ตอนนี้เลยกล้าพูดเลยว่า ต่อให้ครีมกระปุกหลายหมื่นแต่ยังล้างหน้าไม่สะอาด ก็เท่านั้นค่ะ และถามว่าการล้างหน้าที่ถูกต้องคือยังไง คือการล้างหน้าตามแนวขนค่ะ ซึ่งทฤษฎีนี้ตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว หาได้จากทางเวป และ Youtube ไม่ยากค่ะ การเปลี่ยนตัวเองให้ดูแลผิวได้ถูกต้อง 
ให้เริ่มจากการฝึกล้างหน้าตามแนวขนก่อนเลยค่ะ ทำเรื่องนี้ให้ได้ก่อน รับรองว่าถ้ายังไม่เคยทำแล้วฝึกทำ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมากๆ ถึงแม้จะเป็นแค่การล้างหน้าก็ตามค่ะ มีผลหลายอย่าง ทั้งทำให้สิวขึ้นน้อยลง ผิวเหี่ยวช้า หน้าแก่ช้า รูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนขึ้น เป็นต้น 
จากเสียงของหลายๆคนที่เปลี่ยนการล้างหน้าแทบจะมาบอกทุกคนว่า ผิวหน้าดีขึ้นมาก สิวขึ้นน้อยลงมาก และขอเตือนเพื่อนๆนะคะว่า “การล้างหน้าสะอาดไม่ได้หมายถึงว่าต้อง ล้างแรงๆนะคะ แต่คือการล้างเบามือที่สุด แต่ต้องรุ้สึกว่าสะอาด” จนทุกวันนี้จากแรกๆที่ไม่ชินกับการล้างแบบนี้ ทุกวันนี้ต่อให้รีบแค่ไหนมือก็ไปเองเลยค่ะ มันช่วยมากๆในระยะยาว อาจจะไม่ได้เห็นผลไวทันใจ แต่มันคือวิธีที่เราไม่ต้องเสียเงินและเป็นวิธีธรรมชาติค่ะ ทำไ้ด้ตลอดชีวิต 


แล้ว เรื่องต่อมา ก็ยังอยู่ที่การล้างหน้าค่ะ นอกจากต้องล้างหน้าให้สะอาด
เบามือแล้ว อีกอย่างที่หลายคนเป็นสิว มักมองข้าม คือ   “การใช้คลีนเซอร์ค่ะ”  เพราะเม้าสังเกต
เวลาที่เพื่อนๆมาปรึกษา ส่วนมากคนที่มีสิวไม่ว่าจะสิวยังไงก็ช่าง ส่วนมากจะข้ามจุดนี้ไป 
ซึ่งย้ำเลย ว่า “มันสำคัญมากๆพอกับการล้างหน้าให้สะอาดเลยค่ะ” ถึงเราจะแต่งหน้าหรือไม่แต่ง ก็ควรมีติดห้องน้ำค่ะ มันสำคัญจริงๆ ไม่งั้นเราไม่มีทางจะล้างหน้าได้สะอาดถ้าใช้แค่โฟมค่ะ เดี๋ยวเม้าจะอธิบายนะคะว่า มันสำคัญยังไง ?​ อย่างเม้าถึงไม่ได้ใช้รองพื้น  ไม่ใช้แป้งพัฟ แต่ก้าวออกจากบ้านปุ้ป เจอฝุ่นเจอแดด เจอควัน เจอนั่นนี่ ทุกอย่าง ที่มันพร้อมจะอุดตันรูขุมขน แล้วเม้ายังเป็นคนที่ ไม่เคย *เติมแป้งระหว่างวันค่ะ ไม่มีการหยิบแป้งมาเติมหน้าแน่ๆ ออกจากบ้านครั้งเดียวจบค่ะ ปล่อยมันเงา ฉ่ำไป แน่นอนว่า พวกสิ่งสกปรกที่เม้าเจอมันจะเกาะอยู่ที่ผิว กว่าจะหมดวัน มันก็อุดตันอยู่ใต้รูขุมขนละ พอเราถึงบ้านปุ้ป ! ล้างโฟม ไม่มีทางที่มันจะออกมาหมด ต่อให้บางคนบอกว่าไม่ได้แต่งหน้าจะบอกว่า พวกกันแดดทั่วไปครีม สมัยนี้ส่วนผสมที่เป็นพวกซิลิโคน เบสค่อนข้างจะเยอะจนบางคนแยกไม่ออก นี่เลยตัวการหนักที่จะอุดตันใต้ผิว ซึ่งแค่โฟมมันเอาไม่อยู่ช่วงแรกๆ อาจจะไม่เป็นไร พอนานวันๆเข้า อะไรต่อมิอะไรจะตามมา ทั้งสิว ทั้งผด หน้ามัน หน้าหมอง เครื่องสำอางค์ไม่ติด นี่แหล่ะทำไมหน้าไม่ใส (แค่เริ่มก็ผิดละ) เดี่ยวเม้าจะอธิบายวิธีแก้เพิ่มเติมให้เพิ่มค่ะ ตอนนี้ Basic ก่อนและสำคัญที่สุด ใครไม่มีคลีนเซอร์รีบไปหาเลยค่ะ จะยี่ห้ออะไรก็ได้เอาตามงบที่มี ยิ่งใครบอกเป็นคนแต่งหน้าละไม่ใช้คลีนเซอร์
อันนี้ยิ่งพลาด พลาดม้ากก 



โฟมล้างหน้าเม้าใช้ของอะไร ?

ตอนนี้เม้าเข้ามา edit แก้ไขค่ะ เนื่องจากตั้งแต่มี อีฟ- ลีน Evelynn แบรนด์นี้เม้าก็ใช้เจลล้างหน้าแบรนด์นี้ตลอดค่ะ เพราะสบายใจ เพราะเม้ารู้ส่วนผสมและรู้คุณสมบัติของแบรนด์นี้อย่างดีค่ะ เดิมทีก่อนที่เม้ายังไม่มีความรู้เรื่องผิว เม้าก็ใช้โฟมล้างหน้าทั่วไปค่ะ อยากลองอันไหนก็ลอง ทั้งถูกและแพง ส่วนพวกแบรนด์แพงๆ ก็แพงจริงๆนะคะ แพงแบบเอาเรื่องเลย อย่างสบู่ล้างหน้า Dior ก้อน 3 พันกว่าบาทเม้าก็ลองมาแล้วค่ะ ทุกวันนี้ก็วางอยู่อย่างนั้นกลายเป็นสบู่ล้างมือ อย่างลาแมร์ ก็ส่งต่อให้แม่บ้านละยังมีแบรนด์ดังๆอีกกว่า 20 แบรนด์ที่เม้าหมุนเวียนเข้ามาลองตลอดค่ะ เม้าไม่ได้คอมเม้นท์ว่าแบรนด์แพงๆ ไม่ดีนะคะ เพราะว่าเม้าก็ใช้สกินแคร์ ของแบรนด์แพงๆหลายแบรนด์อยู่ตามกำลังทรัพย์ของเม้า แต่พวกโฟมล้างหน้าแบรนด์แพงๆ เม้าจะบอกว่าใช่ว่าจะดีเสมอไปค่ะ สุดท้ายแม้เม้าจะยังไม่มีอีฟลีน เม้าก็กลับมาใช้เจลล้างหน้าที่ราคาหลอดละไม่กี่ร้อยแล้วรู้สึกว่ามันดีกับผิวเรามากกว่าแบรนด์แพงๆ ค่ะ ที่เม้าพูดแบบนี้ก็หลังจากเม้ามีความรู้เรื่องผิวแล้วนะคะ ไม่ใช่พูดตอนที่ไม่มีความรู้แบบเมื่อก่อน เพราะงั้นถึงตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยี่ห้อตามเม้านะคะ เม้าชอบ คนอื่นอาจจะไม่ชอบ และที่คนอื่นชอบเราอาจจะไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เลือกตามความชอบเราเลยและอย่าลืมนะคะ เลือกตามปัญหาผิวและสภาพผิวเรารวมถึงกำลังทรัพย์เราด้วยค่ะ อ่อลืมบอกว่า ทุกวันนีเม้ากล้ายืนยันว่า "การล้างหน้าสำคัญมากๆค่ะ" เม้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะสำคัญขนาดนี้ เม้าให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก่อนเรื่องอื่น คนส่วนมากที่มีปัญหาผิวหน้าแล้วมาปรึกษาเม้า เกือบ 80% ที่เม้าเห็นหลังจากคุยแล้ว ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการล้างหน้าเลยค่ะบ้างก็ล้างผิดๆถูกๆ เพราะงั้นผลิตภัณฑ์ล้างหน้านี่แหละค่ะสำคัญมากๆ อย่างอีฟลีนที่เม้าพูดถึงก่อนนี้ ส่วนผสมทุกอย่างเป็น imported ingredients หลายตัวค่ะ ซึ่งเหมาะกับผิวคนเอเชียและอากาศบ้านเรา ไม่มีส่วนผสมอันตราย 100% ค่ะเม้าการันตีได้ เพราะโดยปกติก่อนเม้าจะใช้อะไรหรือแนะนำอะไรให้ใครต่อนั้น ในฐานะ คนให้คำปรึกษาเรื่องผิว เม้าต้องเลือกแล้วเลือกอีกว่ามันต้องดีและปลอดภัยจริงๆค่ะ เพราะงั้นตามหลักจรรยาบรรณการทำงานของเม้า เม้าการันตีได้ระดับนึงค่ะว่าเชื่อถือเม้าได้ แต่ไม่อยากให้เชื่อโดยขาดการไตร่ตรองนะคะ เช็คได้ตามวิจารณญานเลยค่ะ เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ส่วนคุณสมบัติแน่นอนค่ะว่า ในเมื่อเม้าจะทำแบรนด์ใดแบรนด์นึงเม้าต้องหยิบเอาคุณสมบัติที่ดีที่สุดของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแต่ละข้อมาไว้ในแบรนด์ของตัวเองค่ะ ซึ่งลูกค้าหลายๆคนที่ลองแล้วต่างการันตีถึงคุณภาพได้ค่ะ แต่ใช่ว่าจะมีแต่อีฟลีนที่ดีนะคะเจลล้างหน้าที่ดีๆในท้องตลาดก็มีอีกหลายยี่ห้อทั้งที่เม้าเคยลองและไม่เคยลอง ก็เลือกที่เราชอบเลยค่ะ 




สูตรการล้างหน้าของเม้าซ์ที่เม้าใช้อยู่ทุกวันนี้นะคะ เผื่อใครอยากลองเอาไปใช้ 

1)  เม้าล้างหน้าแค่วันละสองครั้งค่ะ จะไม่เกินนี้นอกจากหน้าไปเปื้อนอะไรมา หรือว่า ต้องอาบน้ำแต่งหน้าออกไปไหนพิเศษจริงๆ ก็จะล้างค่ะ ไม่ได้เคร่งครัดอะไรขนาดนั้นแต่จะให้ดี วันละสองครั้งนี่ดีที่สุดนะคะ จำไว้เลยว่า ยิ่งล้างหน้าบ่อย ต่อให้เรารู้สึกว่าสะอาดก็จริงแต่ไม่ดีต่อสุขภาพผิวเราเลยค่ะ จะทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้นและเหี่ยวไวในที่สุดค่ะ 
2) ตอนเช้าเม้ามักล้างหน้าโดยไม่ใช้โฟมล้างหน้าค่ะ  อาจจะฟังดูแปลกสำหรับบางคน แต่เม้าลองทำมาแบบนี้สักพักแล้วเม้ารู้สึกว่ามันดีต่อผิวนะคะ เม้าล้างแค่น้ำเปล่า ซึ่งทฤษฎีนี้เม้าว่ามันใช้ได้ เพราะในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้านั้นจะ มีส่วนผสมของ สารลดความตึงของผิวอยู่ด้วย ใช่ว่าผิวเราสะอาดแต่ว่าสิ่งที่ถูกชะล้างออกไปนั้นไม่ใช่แค่สิ่งสกปรกแต่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงบนผิว น้ำมันที่อยู่บนผิวชั้นนอกอีกด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้แหละที่จะทำให้ผิวเราเหี่ยวแห้งไปตามวัย ถ้าอยากแก่ช้า การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเม้าว่าเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ ส่วนคนที่บอกว่า "แล้วถ้าหน้ามันล่ะ?" ถ้าเป็นคนหน้ามันจริงๆ เราก็ใส่โฟมล้างหน้าแค่บริเวณที่มันพิเศษก็ได้ค่ะ หรือไม่ก็เอาสะดวกว่าดีกว่า เม้าเป็นคนผิวธรรมดาค่ะ จริงๆ ก่อนนอนเม้าโปะครีมเยอะหลายตัวมาก หน้างี้มันทุกคืนก่อนนอนค่ะ แต่เช้ามาก็ล้างแค่น้ำเปล่าหลายๆรอบ มันก็เพียงพอแล้วก็ตามด้วยเช็ดหน้าให้แห้ง และเช็ดด้วยโทนเนอร์ต่อค่ะ ทำแบบนี้จะถนอมผิวเด็กให้อยู่กับเรานานด้วยนะคะแล้วผิวฉ่ำน้ำขึ้นอีกด้วย 
3) ล้างหน้าให้เบามือที่สุดค่ะ  ข้อนี้สำคัญมากๆ บางคนใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าดีก็จริง ล้างหน้าตามแนวขนก็แล้ว ล้างหน้ามันละสองครั้งก็แล้ว ทำทุกอย่างถูกหมดแต่ดันพลาดข้อนี้คือ ล้างหน้าแรงมาก กดแรง ถูแรง ผิวเราจะบอกว่า ต้องเบาให้มากที่สุดค่ะ ยิ่งหนักผิวยิ่งเหี่ยวไวริ้วรอยมาไว แล้วจุดที่ต้องเบามือที่สุด คือ "ใต้ตาค่ะ"  ใครที่บอกใต้ตาคล้ำ ไม่ว่าจะสาเหตุอะไร การหลีกเลี่ยงใช้ความรุนแรงบริเวณนี้ ทั้งล้างหน้า ทั้งขยี้ ให้เลี่ยงที่สุดและเบาที่สุดค่ะเพราะใต้ตา มีเส้นเลือดฝอยเยอะมาก ถ้าใช้ความรุนแรงจะทำให้ยิ่งคล้ำมากขึ้นแล้วโอกาสหายนั้นยากมากๆค่ะ 
4) คลีนเซอร์ควรใช้แค่ก่อนนอนนะคะ รอบเดียว ตอนเช้าไม่ต้องใช้ค่ะ  เพราะจริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า หรือคลีนเซอร์ ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวมีมากก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่จะออกไปด้วยไม่ใช่แค่สิ่งสกปรกค่ะตามที่เม้าบอกไปข้อก่อนนี้ มันจะสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวด้วยค่ะ จะทำให้ผิวเราเหี่ยวไว เพราะงั้นสิ่งที่ดีที่สุดของการล้างหน้า คลีนเซอร์ เอามาใช้แค่ก่อนนอนก็พอแล้วค่ะ ตอนเช้าล้างแค่น้ำเปล่าพอ หรือใครไม่เอาแค่น้ำเปล่าก็ใช้แต่โฟมล้างหน้ารอบเดียวก็พอนะคะ อ่อลืมบอกเวลาล้างด้วยโฟมรอบเดียวพอนะคะ แต่น้ำหลายๆรอบจนกว่ารู้สึกว่าสะอาดนะคะ 





มาถึงคลีนเซอร์ เม้าใช้ของอะไร ?​ 


เม้าจะแยก 2  อย่างค่ะ คือ (ล้างตากับล้างหน้า)  

เพราะเม้าเป็นคนปัดมาสคาร่า เขียนอายไลเนอร์บ้าง คลีนเซอร์ล้างหน้ามักจะไม่เพียงพอสำหรับสิ่งเหล่านี้ค่ะตอนนี้ยี่ห้อที่เม้าใช้และชอบที่สุด จะเป็น Bobbibrown/Chanel ค่ะ ที่สำหรับเช็ดตา จริงๆลองอยู่หลายแบรนด์นะคะ ให้เพื่อนๆเลือกตามกำลังทรัพย์เลยค่ะ  เทใส่สำลีแล้วกดเบาๆก็ออกแล้ว ไม่มันมากด้วยค่ะ แต่ถามว่าน้องๆที่เข้ามาอ่านแล้วบอกงบไม่ค่อยมี เม้าแนะนำตาม Watson Boots ทั่วไปค่ะ พวกลอรีอัล เมบาลีน คุณภาพไม่ต่างกัน เม้าก็มีติดไว้ที่บ้านตลอด ราคาหลักร้อย คุณภาพใช้ได้เลยค่ะ ลองเลือกดูตามเหมาะสมเลย







สำหรับเช็ดหน้า 
ปกติเม้าจะใช้อยู่หลายยี่ห้อค่ะ วนสลับกันใช้ตามอารมณ์ แต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติเด่นต่างกัน อย่างแบรนด์แรกที่เม้าจะแนะนำคือ Bioderma ค่ะ ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ขายดี และใช้ง่าย ใช้กับสำลีแผ่น เวลาเช็ดก็สัก 1-2ครั้ง ตามเราคิดว่าสะอาด ใครแต่งหน้าจัดๆ ก็2 ครั้งก็ได้ค่ะ เอาแบบให้สำลี สะอาด ซึ่งจะมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน เม้าจะใช้ฝาชมพูอยู่ค่ะ 

ฝาชมพู สำหรับคนแพ้ง่าย
ฝาเขียว ขวดฟ้าสำหรับคนหน้ามันค่ะ
ฝาฟ้า สำหรับคนแพ้ง่ายมากๆ ใช้ได้แม้แต่กับทารกค่ะเค้าเปรียบเทียบแบบนี้เลย








Lancome Galatee Confort 
เนื้อน้ำนม ปั้มกดแล้วนวดลงบนหน้าละล้างออก ใช้ง่าย ราคากลางๆค่ะ ขวดใหญ่ ใช้ได้นานเลย



อีกแบรนด์ที่เม้าซ์ใช้อยู่บ่อยๆตอนนี้ก็ 
Lamer Cleansing Oil ค่ะ กดแล้วนวดบนหน้าเหมือนกันค่ะใช้ง่าย 



และนี่คือทั้งหมดที่เม้าคิดว่าสำคัญที่สุดและเม้าใช้อยู่จริงๆค่ะ ซึ่งเพื่อนๆสามารถลองหรือเลือกตามที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเองกันได้เลยค่ะเม้าไม่หวงสูตรอย่าลืมนะคะว่า ถ้าเริ่มต้นยังทำไม่ได้ก็ปิดไปเลยค่ะ ไม่ต้องอ่านต่อ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผิวเราดี คือเริ่มจากการล้างหน้านะคะ และทุกอย่างมันเป็นองค์ประกอบด้วยกันหมดค่ะ ยิ่งเราดูแลเค้ามาก เรายิ่งได้มากค่ะ


เรื่องต่อมาที่เม้าเรียกว่าเป็นสูตรการดูแลหน้าที่เม้าใช้ดูแลผิวหน้าและคิดว่าเพื่อนๆคงผ่านหูผ่านตามาบ้างในไอจีนั่นคือ 



โปรแกรม Repair Skin  


บางคนคิดว่าเม้าต้องพูดถึงเรื่องครีมบำรุงก่อนก่อนตอนแรกเม้าก็ตั้งใจไว้แบบนั้นค่ะ
แต่เดี๋ยวมาดูเหตุผลนะคะว่าทำไมเม้าถึงเอาโปรแกรมนี้ขึ้นก่อน




ก่อนเข้าขั้นต่อไปเม้าขออนุญาตแทรกอะไรบางอย่างหน่อยนะคะทนไม่ได้ 
เวลามีใครมาปรึกษาอะไรแล้วรู้สึกว่า อยากช่วย อยากบอก แต่บางทีพิมหลายๆครั้งไม่ไหวค่ะ 



พอดีเพิ่งมีน้องคนนึงมาปรึกษาเรื่อง การกดสิว เม้าคิดว่าคงกรณีเดียวกับหลายๆคน

เพราะงั้นขออนุญาตแทรกไว้ตรงนี้นะคะ เผื่อจะช่วยเพื่อนๆได้บ้าง



"เม้าไม่แนะนำให้กดสิว แล้วถ้าเป็นพวกสิวอุดตัน จะต้องทำยังไง?"  


วิธีที่เม้าจะแนะนำอาจจะสวนทางกับคุณหมอบางคนนะคะแต่เม้าพูดจากประสบการณ์ตัวเอง ความรู้สึกตัวเองเลยค่ะ 
แต่เพื่อนๆจะคิดเห็นยังไงใช้วิจารณญานของแต่ละคนได้ตามสะดวกเลย เห็นด้วยไม่เห็นด้วยเม้าไม่มายด์ค่ะ 
ถ้าถามว่าแล้วถ้าเกิดมีสิวอุดตันทำยังไงดีล่ะ ?​ ถ้าในเมื่อเรามีสิวอุดตันเราต้องรุ้แล้วค่ะว่า มันเกิดขึ้นเพราะอะไร?
ทุกอย่างก่อนเราแก้เราต้องรู้ก่อนว่า ต้นเหตุมันเกิดจากอะไร ? เพราะอย่างหลายๆคน พอเป็นสิว ก็คิดว่า "ทำยังไงให้หาย" 
แต่คนส่วนน้อยจะ คิดว่า "ทำยังไงไม่ให้เกิด" ไอ่พวกสิวอุดตันส่วนมากที่มันเกิดเพราะสิ่งสกปรกมันตกค้างที่รูขุมขนเราค่ะ
ก็ย้อนไปเรื่องที่เม้าพูดถึงไปก่อนหน้านี้ ก็เพราะเราล้างหน้าไม่สะอาดมันถึงได้เป็นถ้าเราล้างหน้าสะอาดมันก็จะลดปัญหานี้ลงได้มาก บางคนแทบหายไปเลย เม้าเองก็แทบไม่เคยมีตั้งแต่ที่เม้าดูแลผิวหน้าตามที่เม้าเขียนลงบลอคนี้ 
ก่อนหน้านี้ก็มีบ้าง เดี๋ยวนี้มาดูได้ค่ะ แทบไม่มีเลยเพราะล้างหน้าไม่สะอาดบอกแล้วว่ามันก่อให้เกิดอะไรที่แย่ๆ
หลายอย่างตามมาเยอะสิวอุดตันก็เหมือนกันเลยค่ะ เม้าไม่อธิบายแบบวิชาการนะคะ แต่เม้าคิดว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะมัน สกปรกแล้วมันสะสมใต้รูขุมขน ก่อให้เกิดสิวทุกประเภทยิ่งเราล้างหน้าไม่สะอาดก็ยิ่งสะสม อย่าหวังว่าหน้าจะใส 
เราก็แก้จากต้นเหตุมันก่อนที่จะไปกดๆๆๆจนหน้าพรุนเราก็ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนค่ะ ย้อนไปถึงก่อนหน้าที่เม้าเขียนเลย
จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบค่ะ ส่วนถามว่าแล้วเราแก้ยังไงดีก็ใช้คลีนเซอร์ด้วยค่ะ ขออธิบายต่อนะคะว่า ทำไมเม้าค้านเหลือเกินเรื่องกดสิวลองคิดดูนะคะ เชื่อไหมว่าร้อยทั้งร้อยประสบการณ์ของคนที่ไปถึงคลินิกมักจะบอกว่า "ต้องกดค่ะ ไม่กดไม่ออก" นั่นไง ?? แล้วใครจะไม่กดบ้าง ?​ ถามว่ากดแล้วหายไปจริงไหม ?​ เม้าไม่เถียงค่ะมันหายจริง แต่เชื่อไหมว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูก เราจะแค่รู้สึกว่าหลังกดแล้ว ออกจากคลินิกเรา Happy หน้าเนียนขึ้น สิวหายไป ซึ่งนั่นมันแค่การแก้ปัญหาชั่วคราวค่ะ ซึ่งจริงๆ มันคือการรบกวนโพรงขนมาก มันหายไปแล้วมันกลับมาอีกกี่เม็ด ???​เยอะกว่าเดิมใช่ไหม? นี่เลยทำให้คนที่เข้าไปกดสิวกับคลินิกต้องคอยไปกดตลอดๆ สิวก็ยิ่งขึ้นอีกเรื่อยๆ แถมไม่พอผิวช้ำ ผิวทิ้งรอยอีกเต็มหน้า​ 
ในชีวิตเม้า เม้าก็เคยพลาดโดนกดมา 1 ครั้งในชีวิตค่ะ ตอนนั้นนี่หน้าไม่สิวเลยสักกะเม็ด ไปหาคลินิกผิวหนังชื่อดัง
ในเชียงใหม่คลินิกนึง ซึ่งรักษาโรคผิวหนังมาแต่เด็ก เป็นภูมิแพ้ค่ะแล้วเค้ามีคลินิกรักษาสิวแยกออกมาด้วยระหว่าง
รอหมอเม้าก็เดินไปป้วนเปี้ยนสำรวจตามประสาเด็กน้อยขี้สงสัย ก็จ๊ะเอ๋พี่คนนึงที่ดูแลตรงนั้น ก็ให้เค้าดูหน้า
นางบอกว่า "ลองกดสิวไหมคะ หน้ามีสิวอุดตัน ถ้าไม่กดไม่ออกค่ะ"  หน้าเม้าไม่เหนท่าจะมีสิวอุดตันเลยค่ะ ดูจากภายนอก แต่อยากลอง ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องผิวอะไรมาก เชื่อเค้าเข้าไปในห้องปุ้ป เค้าก็ให้ทำทั้งกดสิว ไอออนโต้ เครื่องอะไรไม่รู้ 
ควันเยอะๆ  เต็มไปหมดทำเสดรู้สึกดี ราวกับว่า "หน้าฉันต้องใสขึ้นแน่เลย" หลังทำสองวันเท่านั้นล่ะ
ให้ทาย ขึ้นมากี่เม็ดทั้งที่ปกติไม่ใช่คนมีสิว ?​ ตั้งแต่นั้นมาสัญญากับตัวเองเลยค่ะว่า ให้ตายยังไงก็จะไม่กดสิวแล้ว 
 เม้าถึงย้ำตั้งแต่การล้างหน้าว่าให้ล้างหน้าตามโพรงขุมขนแล้วยิ่งเรากดสิว ยิ่งกว่าล้างหน้าไม่ตามโพรงขุมขนอีกค่ะ เม้าจะอธิบายให้เป็นการ์ตูนให้เข้าใจง่ายๆนะคะเราไม่ต้องวิชาการ สมมุตินะคะว่า ใต้ผิวเรามีตัวสิวอยู่นับร้อยมันนอนหลับกันอยู่ค่ะ มันก็ไม่ตื่นขึ้นมาทักทายเรา หลับของมันสบายๆเรียบร้อยแต่ถ้าตัวไหนมันโดนรบกวนมันก็ต้องมีตื่นมาทักทายบนผิวเราบ้าง
แล้วถ้าเกิดเราไปกดสิวล่ะ แน่นอนว่ามันต้องตื่น ตื่นหลายตัวด้วยมันก็จะตื่นมาทักทายเราใหญ่ นี่ให้เห็นภาพกันชัดๆเลยค่ะ พอจะนึกออกไหม?ส่วนอีกเรื่องอย่างที่เขียนไปก่อนนี้ ตอนยังเด็กไม่เป็นไรหรอกค่ะแต่อย่าลืมผิวเราไม่ได้สร้างคอลลาเจนได้ตลอดนะ ลองอีกหน่อยสักหลัง 25 ล่ะใครกดสิวบ่อยๆอะระวัง ผิวมันจะพรุน หย่อน เป็นหลุม ไม่เรียบคราวนี้ต่อให้กินคอลลาเจนกี่กระปุกก็คงช่วยอะไรไม่ทันค่ะ 




ทำไมต้องทำ  Skin Repair ?

ก่อนอื่นอธิบายก่อนค่ะว่า สรุปมันคืออะไร ? การทำ Skin Repair มันคือการผลัดเซลล์ผิว

ด้วย Nano โมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง และไม่ทำให้ผิวบาง
ซึ่งทำได้แม้แต่คนที่แพ้ง่าย เป็นสิว รักษาสิวอยู่ ทำLaser อยู่ เข้าคอร์สรักษาหน้าอยู่ 
ก็ยังทำได้ค่ะไม่ได้เกิดอันตรายใดๆ  และแม้แต่คนที่โดนสเตียรอยมาจนหน้าพัง 
ก็สามารถใช้โปรแกรมนี้รักษาได้ค่ะ ผลที่ได้และสรรพคุณมันแทบจะช่วยทุกปัญหาผิว
ที่ทุกคน (ต้องมี) แต่ผลที่ได้จะต่างกันออกไปตามสภาพผิวปัญหาผิวที่แต่ละคนมีค่ะ
เม้าเลยสรุปไม่ได้ว่า ใช้แล้วมันจะดีแค่ไหน เพราะมันดีจริงๆสำหรับเม้าค่ะ
มันช่วยได้เกือบจะทุกปัญหา ซึ่งเม้าพิสูจน์มาเองด้วยและจากรีวิวผู้ที่ทำเกือบทุกคนด้วยค่ะ


ถามว่าทำไมต้องทำ Skin Repair? 


ตรงนี้ตั้งใจอ่านดีๆนะคะ ถ้าเพื่อนๆ เก๊ทตรงนี้ ก็จะเข้าใจทุกอย่างเลยว่า
ทำไมมันถึงต้องเริ่มจากตรงนี้ทุกๆอย่างมันจะเป็นเหตุเป็นผลของมันค่ะ
อย่างแรกที่เม้าบอกว่าต้องล้างหน้าให้สะอาด มันก็จะมาต่อเนื่องจากโปรแกรมนี้ค่ะ
ว่าถ้าล้างหน้าสะอาดแล้วมันจะได้อะไร แล้วที่บอกว่า "ไม่มีใครล้างหน้าได้สะอาดจริงๆ" ล่ะ?
แล้วทำยังไงหน้าเราถึงจะสะอาด ?  ต้องอ่านตรงนี้ต่อเลยค่ะ
ถามว่าจริงๆถ้าเราไม่ทำผิวเราจะผลัดเซลล์ตามธรรมชาติได้ไหม?​
คำตอบ คือ "ได้" ค่ะปกติทุก 28 วันผิวเราจะมีการผลัดเซลล์เองอยู่แล้วตามธรรมชาติ 
แต่พอเราก้าวออกจากบ้านแต่ละวัน เจอแดด ควัน ฝุ่น มลพิษต่างๆ และที่สำคัญ
เจ้าเครื่องสำอางค์นี่แหล่ะค่ะตัวดี จะห้ามไม่ให้แต่งก็ยาก หรือน้องๆคนไหนบอกว่า
หนูไม่แต่งค่ะไม่ใส่อะไรเลย ทำไมหน้ายังไม่ใสอีกคะ ? นั่นยิ่งแย่กว่าแต่งค่ะ
คำว่าแต่งหน้าสำหรับเม้า หมายถึง ลงครีม ลงกันแดด ลงแป้ง แค่นี้ก็ได้ค่ะ
แต่ไม่แต่งหมายถึง ไม่ใส่อะไรมันเลยแล้วออกบ้าน อันนี้ยิ่งทำร้ายผิวนะคะ พูดเลย
เดี๋ยวเม้าค่อยอธิบายขยายความนะคะ โฟกัสมาที่จุดเดิมก่อน
อย่างที่บอกว่าออกจากบ้านปุ้ปเจอทุกอย่างที่จะทำร้ายผิว ทุกอย่างที่เม้าว่ามา
ตั้งแต่ฝุ่นยันเครื่องสำอางค์มันไม่ได้ไปไหน มันติดและฝังอยู่ใต้รูขุมขนเรา บนหน้าเราเลยค่ะ
แล้วน้องๆที่บอกหนูไม่แต่งหน้าค่ะพี่ บนผิวหน้าเรามีความมันตามธรรมชาติอยู่ละค่ะ
ยังไงพวกสิ่งสกปรกมันก็ติดอยู่ สะสมอยู่ใต้ผิวหนังน้องแล้วค่ะ
กลับบ้านมาปุ้ป ถ้าน้องบอกคลีนเซอร์ไม่จำเป็นหนูจะใช้โฟมเลย ไม่มีทางมันจะออกหมดค่ะ
มันก็จะฝังๆๆๆ ใต้รูขุมขนน้องไปเรื่อยๆ ตอนเด็กอาจจะยังไม่เป็นไรหรอกค่ะ
แต่เดี๋ยวโตมาจะรู้เอง ส่วนคนอื่นๆที่แต่งหน้าตามปกติ ถึงตรงที่บอกกลับบ้านมาปุ้ป
เราก็ต้องใช้คลีนเซอร์ ถูกไหมคะ?​ ตรงนี้มันก็ช่วยได้เยอะละค่ะ ล้างหน้าให้สะอาด
มันช่วยได้จริงๆ แต่เชื่อไหม? ไม่มีทางที่มันจะออกหมดจริงๆค่ะ 
มันไม่ได้ไปไหนเลยมันก็สะสมใต้รูขุมขนเรา นานวันเข้าจะเกิดอะไรต่อ ?​
นี่แหล่ะค่ะ เป็นคำตอบที่ว่าทำไม แต่ละคนหน้าถึงใสไม่เท่ากัน ?​ 
จริงๆถ้าเรารู้หลักง่ายๆ ผิวใสไม่ใช่เรื่องยากเลย จริงๆนะคะ
เพราะการที่หน้าเราไม่สะอาด ตรงนี้แหล่ะ พวกสิวเสี้ยน สิวผด สิวอักเสบ อุดตัน
หน้าหมอง เครื่องสำอางค์ไม่ติด ผิวไม่สม่ำเสมอ มันเกิดจากตรงนี้ทั้งนั้น เท่านั้นเอง..
(เดี๋ยวจะมีเหตุมีผลต่อค่ะ ตั้งใจอ่านดีๆ)
นี่แหละค่ะ เหตุผลที่ว่าทำไมต้องทำ เพราะถึงเวลา  28วัน แทนที่ผิวเรา
จะได้ผลัดเซลล์ตามธรรมชาติ มันกลับผลัดเซลล์ไม่ได้ค่ะ เพราะใต้รูขุมขนมันสกปรกเกินไป
อะไรมากมายหมักหมมอยู่ เจ้า Skin Repair นี่แหล่ะค่ะที่จะมาทำหน้าที่ช่วยเรา
เพื่อให้ผิวเราได้ผลัดเซลล์ค่ะหลังทำวันแรกจะรู้สึกหน้าเงาๆค่ะ แต่หลังทำ 2-3วัน
บางคนอาจจะรู้สึกหน้าลอก (คำว่าลอกในที่นี้ ไม่ได้ลอกจนน่ากลัวนะคะ มันจะลอกเล็กๆ 
บางคนเป็นขุยบริเวณที่มีปัญหาค่ะ ร่องจมุกบ้าง ใต้ปากบ้าง ลอกเป็นแผ่นฟิลม์บางๆ
ถ้าไม่ลอกก็ไม่แปลกค่ะ) แต่ไม่มีอาการคัน ผื่น แดง หรือไม่มีข้อห้ามอะไรเลย
แต่งหน้าได้ โดนแดดได้ คือใช้ชีวิตปกติเลย มันวิเศษมากสำหรับเม้า
ข้อห้ามเดียวที่สำคัญที่สุดของการทำ ให้ได้ผล คือ "ห้ามล้างหน้าหลังทำ5ชม" 
แค่นั้นจริงๆค่ะ และเม้าก็ทำทุกเดือนหรือ2 สัปดาห์โดยประมาณ มันดีจริงๆค่ะสำหรับเม้า
เม้ารู้เลยว่า ผลลัพธ์ที่ผิวเราได้ผลัดเซลล์ผิวแล้ว อะไรๆมันง่ายขึ้นจริงๆค่ะ
ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่มีปัญหาผิวมาก ทำได้อาทิตย์ละครั้งเลยค่ะ
ถ้าถามว่าผลที่เราได้จะเป็นยังไง เอาง่ายๆเลย เพื่อนๆจะมีปัญหาผิวหน้ายังไง
สิวยันโดนสเตียรอย จนถึงแพ้ง่าย รูขุมขนไม่กระชับ เครื่องสำอางค์ไม่ติด
ลองดูค่ะแล้วจะรักการทำอย่างที่เม้าเป็นค่ะ โดยที่ควบคู่กับการบำรุงทางอื่นๆไปด้วย




สั่งทำเองที่บ้านได้ใช่ไหม?​ 

ใช่ค่ะ ซึ่งวิธีการทำง่ายมากเพียงสองขั้นตอน เมื่อเพื่อนๆสั่งจะมีวิธีทำบอกหมด ง่ายมากๆ


วิธีการสั่งซื้อ และวิธีการจอง ?​ 

อันนี้ง่ายๆเลยค่ะ สั่งมันกับเม้าได้ค่ะ 




เข้าไปอ่านตาม Link ด้านบนได้ค่ะเป็นเนื้อหาเรื่องโปรแกรมนี้โดยเฉพาะ



 * รายละเอียด และวิธีการทำสำหรับเพื่อนๆที่จะสั่งทำเองที่บ้านไม่ต้องกังวลค่ะ 
จะมีแนบวิธีทำอย่างละเอียดแนบให้เมื่อเพื่อนๆสั่งไปทำเองที่บ้านค่ะ 
หรือเข้าไปดูทาง IG @reviewdada เพื่อดูข้อมูล และรีวิวเพิ่มเติมได้ค่ะ




 สั่งซื้อหรือจอง สามารถผ่านเม้าได้เลยค่ะ Line : dada_skin 
ซึ่งต้องดูแลโดยเม้าซ์เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ 




มาถึงตรงนี้บอกเลยค่ะว่าเพื่อนๆมาถึงครึ่งทางของการดูแลผิวแบบเม้าซ์แล้ว 
ทั้งหมดคือสิ่งที่เม้าใช้ดูแลผิวของเม้าจริงๆ หลายคนอาจจะคิดในใจว่า 
"ทำไมมันเยอะขนาดนี้?" แต่บอกเลยนะคะ ว่า "ผิวยิ่งดูแลมากก็ยิ่งดีมากค่ะ" 
ถ้าเพื่อนๆคนไหนงบไม่ถึงก็อาจจะเลือกเอาว่าควรทำอะไรบ้าง 
เพราะถามว่าแต่ละอย่างอันไหนดีกว่า?​ เม้าพูดเลย ค่ะว่ามันคนละหน้าที่กันเลย 
เพราะงั้นเม้าไม่อยากขาดอันใดอันหนึ่งถ้าเป็นไปได้ คราวนี้ถ้ามาถึงตรงนี้แล้ว 
เรามาดูกันต่อค่ะว่า มีอะไรอีกที่เม้าใช้ดูแลผิวตัวเองใกล้จะจบแล้วค่ะ 


 เรื่องต่อมานั่นคือสิ่งที่ผิวเราขาดไม่ได้ เหมือนต้นไม้ที่จะให้เติบโตสวยงามก็ต้องหมั่นรดน้ำ ดูแลทุกวัน 
ผิวเราก็เหมือนกันค่ะ อยากจะให้สวยงามนั้นก็ต้องดูแล นั่นคือการให้อาหารผิวค่ะ การทาครีมบำรุงนั่นเอง 
พอเดาออกไหมคะ ว่าสิ่งที่เม้าจะเขียนต่อไปนี้คืออะไร?​ "การเลือกครีมบำรุงนั่นเองค่ะ" 
ถ้าเปรียบกับต้นไม้ ผิวเราก็เหมือนกันค่ะ ต้นไม้ที่เติบโตตามธรรมชาติ หากเราไม่รดน้ำ ให้ปุ๋ยพรวนดิน 
ก็จะเติบโตตามธรรมชาติ อาจจะเฉาตายถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะแก่การเติบโต 
แล้วเหมือนผิวเรายังไง ?​ เหมือนค่ะ ตรงที่ว่าผิวเราถ้าไม่ดูแลก็จะเป็นไปตามธรรมชาติของมัน 
อาจจะกระดำกระด่าง หมองบ้างเมื่อโดนแดด แต่อาจจะยังดูดีถ้ามีสภาพแวดล้อมที่ดี ในทีนี้อาจจะเกี่ยวกับ 
อารมณ์ อากาศ การกิน การนอนของแต่ละคน แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ก็เหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำ 
ผิวก็เหี่ยวเฉาขาดการดูแลค่ะ เพราะงั้น "ครีมบำรุง" ที่เราเลือกให้กับผิวนั้นก็เหมือนต้นไม้ที่ถูกดูแล 
รดน้ำ ให้ปุ๋ย พรวนดินค่ะ ก็จะสวยงามกว่าต้นที่ไม่ได้รับการดูแลค่ะ เพราะงั้นเราเลือกกันต่อนะคะว่า
เราอยากเป็นต้นไม้ที่มีคนดูแลหรือไม่มี ผิวเราถ้าเราไม่รักแล้วใครจะมารักถูกไหมคะ ?​ 


เรื่องต่อมาที่เม้าอยากแนะนำนั่นคือ การเลือกครีมบำรุงที่ถูกต้องค่ะ 
เพราะตามที่เม้าแนะนำมาข้างต้นว่า คนส่วนมากเข้าใจผิด คิดว่าหน้าใสต้องหาครีมดีๆ 
สรรหาแต่ครีมดีๆ แต่ลืมใส่ใจที่ปัจจัยอื่นๆ ซึ่งจริงๆแล้วต่อให้ใช้ครีมแพงๆก็ไม่ได้จะทำให้หน้าใสเลยซะทีเดียวแต่มันต้องเริ่มจากปัจจัยพื้นฐานตั้งแต่การล้างหน้าให้ถูกวิธีค่ะ เรื่องครีมบำรุงเองก็เกี่ยวข้อง
ถ้าเลือกครีมที่เหมาะกับตัวเองได้ ก็ได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะงั้นเวลาเราเจอคนหน้าใสๆ 
แทนที่เราจะถามเค้าว่า เค้าใช้ครีมอะไร เราลองมาเลือกครีมที่เหมาะกับความต้องการของตัวเองดีกว่าไหมเอ่ย ?​


เม้าใช้ครีมอะไร? 

นี่คือคำถามที่เราจะตั้งกันบ่อยที่สุดเมื่อไหร่ที่เราเห็นใครสักคนหน้าใส และมีโอกาสได้ถามได้ เชื่อไหมคะว่า เมื่อก่อนเม้าเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน เม้าเสียเงินกับการตระเวนหาครีมที่ดีที่สุดให้ตัวเองมาเยอะมากค่ะ แล้วถามว่าสุดท้าย ผิวเป็นอย่างที่เราต้องการไหม คำตอบคือ​ "ไม่ใช่เลย" ฟังดีๆนะคะ ว่า คนสองคนต่อให้ใช้ครีมเหมือนกันทุกอย่าง ไม่ได้แปลว่าผิวจะออกมาเหมือนกันค่ะ" เพราะอะไร คำตอบคือ "เพราะครีมไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้เราหน้าใสค่ะ" เม้าไม่เคยกั้ก ว่าตัวเองใช้ครีมอะไร แล้วบอกคนอื่นไม่ได้ ครีมที่เม้าใช้ทุกวันนี้ เป็นแบรนด์เคาร์เตอร์ทั่วไปเลยค่ะ เม้าหยิบมารีวิวในเฟส ในไอจี บ่อยมากๆ เชื่อไหมคะว่า ต่อให้ใช้ตามเม้าแต่ก็ไม่ได้แปลว่า ผิวเราจะเหมือนกัน เพราะงั้นจากที่เราจะ ใช้ครีมตามใคร เรามารู้ดีกว่า ว่าจะทำยังไงให้ตัวเราเองหน้าใสดีกว่า เม้าไม่เถียงนะคะว่า ครีมก็มีส่วนเยอะที่จะทำให้เราผิวดี แต่เราต้องเช็คก่อนค่ะว่า ผิวเรามีปัญหาอะไร ต้องการอะไร ครีมตัวไหนถึงจะเหมาะ อย่างเม้าทุกวันนี้ใช้เยอะมาก หลายยี่ห้อสลับกัน ถามว่าครีมอะไร ดี เอาตรงๆ ตอบไม่ได้เลย เหมือนเราดูแลผิวดีระดับนึงแล้ว รู้สึกใช้ครีมยี่ห้ออะไรก็ดีเกือบซะหมดค่ะ 



สิ่งที่เราควรรู้ถ้าต้องเลือกครีมบำรุงให้ตัวเอง 

อย่างแรกเลยคือ กำลังทรัพย์ค่ะ เราต้องวางแผนก่อนว่า เรามีกำลังพอจะซื้อครีมราคาเรทไหน ตั้งงบไว้ค่ะ ถ้าถึงกับต้องไปหายืมใครหรืออดมื้อกินมื้อ อยู่ห้องกินมาม่าแบบนั้นไม่เอาค่ะ ครีมไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องทุ่มเงินซื้อค่ะ เราต้องตั้งสติกันก่อน 
ผิวที่ดีมันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ที่ครีม เรายังต้องเอาเงินไปซื้อผัก ผลไม้ของกินที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงจากภายในค่ะ ไม่ใช่กินแต่มาม่า จะยิ่งทำให้ภายในแย่เอาค่ะ ครีมดีๆไม่จำเป็นต้องแพงค่ะ แต่ถ้ากำลังทรัพย์เหลือกินเหลือใช้ ทุ่มได้ไม่อั้น ก็แนะนำแพงๆตามสบายค่ะยังไงเม้าก็เชื่อว่า ของแพงบางอย่างเราแลกมาด้วยเงินที่แพงแต่มันคุ้มค่าค่ะ แต่ให้ศึกษาก่อนนะคะ เพราะกับเรื่องครีมเม้าก็เคยทุ่มกระปุกเดียวหลักหมื่นแล้วแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากกระปุกหลักพันค่ะ ก็กลืนน้ำลายตัวเองไปหลายอึกเลยทีเดียว เพราะงั้นน้องๆที่ยังหางานไม่ได้ หรือเพื่อนๆที่ทำงานแล้วแต่ยังไม่ได้มากนักก็แบ่งสรรปันส่วนตามกำลังตัวเองไม่ให้เดือดร้อนค่ะ เพราะครีมดีๆไม่ได้แพงเสมอไปก็เยอะค่ะ เชื่อเม้าซ์ มันอยู่ที่ปัจจัยอื่นๆที่เราทำค่ะ ถ้าใช้ครีมแพงๆแต่ยังล้างหน้าไม่เป็น หรือยังดูแลผิวไม่เป็นก็ไม่ได้ดีไปกว่าครีมถูกๆค่ะ

เรื่องต่อมา สภาพผิวค่ะ หลายคนเม้าเชื่อว่าเวลาเห็นคนหน้าใสๆ เราจะตั้งคำถามเลยทันทีว่า ใช้ครีมอะไร แล้วเราก็ใช้ตามแต่กลับไม่เห็นว่าหน้าจะใสขึ้น ซึ่งเราลืมคิดไปกันรึเปล่าว่า ผิวเค้าดีอยู่แล้วไหม หรือว่า ผิวหน้าเรากับเค้าเหมือนกันไหม ?  ครีมแต่ละตัวจะเหมาะสำหรับสภาพผิวที่ต่างกันค่ะ เราต้องเลือกให้เหมาะกับผิวเรา เราไปใช้ตามคนที่หน้าเค้าดี แต่ผิวแห้ง แต่เราดันหน้ามันมาก ก็ซวยนะคะ ใช้ไปใช้มาแทนที่จะหน้าใสแบบเค้า กลับหน้าเยินขึ้นเรื่อยๆ เลือกครีมผิวชีวิตเปลี่ยนก็มีค่ะเพราะงั้นก่อนใช้ครีมตามใคร ดูผิวตัวเองก่อนค่ะว่าใช้ได้ไหม เชื่อเม้าค่ะว่าใช้ครีมตามคนที่หน้าใส เราไม่ได้หน้าจะใสตามเค้าค่ะ 




ฟังแบบนี้แล้ว พรุ่งนี้เริ่มใหม่นะคะ วางผลิตภัณฑ์ทุกตัวมาไว้ตรงหน้าแล้วเลือกผู้เข้ารอบไว้ค่ะ 
และคัดผู้ตกรอบออก ว่าตัวไหนควรอยู่ต่อ ตัวไหนควรซื้อใหม่ ก็จัดสรรกันไปค่ะเพื่อผิวของเรา 
และปรับพฤติกรรมกันใหม่ ยังไม่สายค่ะ 




และทั้งหมดนี้คือสูตรหลักๆที่เม้าใช้ดูแลผิวหน้าตัวเองภายในระยะเวลาสั้นๆที่ผ่านมา 
แต่กลับเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดและเม้าพอใจกับผลมากๆ ค่ะ 
เหตุผลที่เม้ากล้าเขียนรีวิวทั้งหมดขึ้นมา อย่างที่บอกแต่แรกนะคะว่า 
"ใครที่คิดว่าเม้าเป็นคนผิวดีมาแต่เกิด"  บอกเลยว่าไม่ใช่ค่ะ คิดผิด  
ใครจะว่าเม้า "เดี๋ยวนี้สวยขึ้นเยอะนะ" หรือนินทาภาพอดีต ถึงจะขี้เหร่หรือไม่ก็ช่าง 
เม้าไม่เคยแคร์ค่ะ วันนี้เราดูดี เราพอใจ และเราต้องดูดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ 
ถ้ายิ่งเห็นความต่างจากอดีตมาก นั่นแสดงว่าเราทำสำเร็จค่ะ มันคือรางวัลของเรา 
เพราะงั้นอย่าไปใส่ใจใครจะว่ายังไงค่ะ ความสุขเราอย่าให้คนอื่นที่ไม่มีผลกับเรา 
เม้าเชื่อว่าทุกคนอยากสวย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสวยได้อย่างที่ตัวเองต้องการค่ะ 
แต่ก็กลับไม่เปิดใจรับความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เพราะงั้นเราเริ่มได้ค่ะ 
เม้าไม่ใช่คนผิวดีมาก่อนอย่างที่บอกแต่แรกแต่เพราะเม้าเชื่อว่าเม้าต้องทำได้ 
และสิ่งที่เม้าได้ตอนนี้มันเห็นผลได้ชัดเจนมากๆกับตัวเองและเชื่อว่าถ้าเพื่อนๆลองทำตาม 
มันจะต้องเห็นผลกับเพื่อนๆค่ะ วิธีที่เม้าเขียน Topic นี้จึงไม่ใช่วิธีการดูแลผิวหน้า
แบบถุกต้องหรืออะไร แต่มันคือวิธีการดูแลผิวหน้าตามเม้าซ์เลย ใครชอบหรือไม่ชอบ 
ลองเอาทำตามได้ค่ะ เม้ายินดีให้คำปรึกษาค่ะ และหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆเลย 
ว่าดูแลผิวหน้าระหว่างวันกันยังไง ใช้เครื่องสำอางค์อะไรให้กับผิวเราบ้าง 
เอาไว้เม้าว่างเม้าจะมาเขียนรีวิวให้ต่อนะคะ  







































ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ29 เมษายน 2557 เวลา 00:02

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีมากๆนะครับพี่เม้า อ่านทุก Topic ของพี่เม้าได้ข้อมูลมาตัดสินใจเยอะเลย อ่านเเล้วก็เอาความรู้มาบอกคุณเเม่ด้วย น้องๆในครอบครัวด้วย ผมชอบทุก Topic รัตนะ เเต่ที่ชอบมากๆคือ Topic ที่บอกเกี่ยวกับกันเเดด ผมเอาไปถามน้องผมวา " ระวังกันเเดดราคาร้อยกว่ากับ ครีมลดเลือนริ้วรอยเป็นพัน จะเลือกอะไร? " คำตอบของน้องผม คือ ครีมลดเลือนริ้วรอยราคาเป็นพัน เพราะ ราคาเเพงก็น่าจะใช้ดีกว่า เห็นผลกว่า พอน้องตอบอย่างนั้น ผมตอบกลับเลยครับ เอาคำพูดพี่เม้ามาปรับให้ฟังเข้าใจง่าย ว่าเราควรเลือกกันเเดดมากกว่าครีมลดเลือนริ้วรอย หลังจากนั้นบรรยายสรรพคุณตามที่พี่เม้าบอกเลยครับ 55555 น้องก็ฟังจนจบนะครับ พอฟังก็เอ่อ ใช้ๆ กันเเดดสำคัญที่สุด ผมก็บอกใช่มั๊ยล๊าาาา ยาวมากละ สุดท้ายของสุดดท้าย ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับข้อมูลดีๆอย่างนี้ ปล. ตอนนี้ผิวใสเเล้วน้าาา ทำตามตั้งเเต่การใช้คลีนเซอร์เลย คึคึ สุดท้ายจริงๆ เเม่ผมชมพี่เม้าว่าสวยมากๆด้วยครับ ผมก็ชม คิคิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ่านละยิ้มเลย ค่ะขอบคุน มากๆ นะคะ

      ลบ
  2. ตั้งใจอ่านทุกบรรทัดเลย ขอบคุณพี่เม้ามากๆค่ะ :')

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. บอกตามตงติดตามน้องเม้าซ์มาสิบปี ไม่เคยเข้าบล๊อกของน้องเลย ชอบที่น้องเปนคนเก่งและขยัน วันนี้มีโอกาสได้มาอ่าน ประทับใจน้องมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีนะคะ จะรีบปฏิบัติตาม และตามอ่านทุก topic เลยค่ะ


    พี่ปิ๊ก :)

    ตอบลบ
  5. อ่านเสร็จแล้วต้องมีคลีนซิ่งดีๆสัก2ขวดแล้วคะเพราะเราเป็นคนหน้ามัน

    ตอบลบ
  6. อ่านครบแล้วจ้า ขอบคุณค่า

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Review ประสบการณ์ทำตากับบียอน(เทคนิคเย็บจุดเดียว)

TOPIC นี้เม้าซ์เอารูปปัจจุบันที่เห็นตาชัดๆ ให้ดูก่อนนะคะ     วันนี้เอาใจสาวๆที่เชียร์ให้เขียน Topic นี้กันค่ะ หลังจากที่ทำไปแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ ส่วนมากก็ Review ลงแค่ใน IG แต่ก็ไม่สามารถสาธยายได้ยาวเหยียดเท่าในนี้นัก งั้นวันนี้ลองมาอ่านแบบละเอียดกันดูค่ะ หรือใครที่ search จาก Google ก็สามารถเข้าไป ดู Review อีกแนวได้ทาง IG เม้านะคะ Search : @arindada.k / @reviewdada ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ก่อนอื่นเม้าต้องขอพูดถึงลักษณะตามเม้าซ์ก่อนนะคะ พร้อมภาพประกอบ  ตามที่เคยบอกบ่อยๆ ว่าเม้าไม่เคยศัลยกรรมอะไรมาก่อนนอกจาก "จมูก" จริงๆ และตาเป็นอวัยวะที่เพื่อนๆถามถึงบ่อยมาก ว่าทำที่ไหน และเม้าก็ตอบตามความจริงว่า ไม่เคยทำ ซึ่งคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เม้าก็ไม่สามารถที่จะไปขอร้องให้ทุกคนเชื่อได้ทั้งหมด เพราะปกติเม้าไม่ใช่คนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมและถึงแม้ว่าจะเป็นคนให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเม้าทำอะไรเม้าสามารถบอกได้ทุกอย่างค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ กับประสบการณ์ "ทำตา" และเม้าเต็มใจที่จะแชร์ให

Reviewตัดเหงือกกับ Dental me เชียงใหม่ (Gummy Smile)

Topic นี้เม้าซ์ขอแหวกแนวบ้างนะคะ จากที่จะพูดเรื่องศัลยกรรมขอมาที่เรื่อง "ฟัน" บ้างนะคะ  เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เม้าซ์อยากจะทำมานานมากแล้ว และเป็นเหมือนปมด้อยที่ถูกล้อบ่อยๆ นั่นคือเรื่องของ  "ยิ้มเห็นเหงือก"  ค่ะ หรือเรียกแบบเก๋ๆว่า  Gummy Smile  ฟังดูน่ารัก เนาะ ฮ่าๆ  มาขยายความเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ก่อนจะไปตามอ่านรีวิวกัน  Gummy Smile   คือการที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากกว่าปกติค่ะ ที่ฟันบน แน่นอนว่าใครที่มีปัญหานี้คงขาดความมั่นใจ เพราะมันดูไม่สวย ยิ่งเม้าซ์นี่ทำงานด้านนี้ ยิ้มเห็นเหงือกไม่พอ แต่ฟันเล็ก สั้นด้วยค่ะ ปากก็เล็ก ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนฟันหนู บางคนก็บอกน่ารักดี แต่ตัวเหงือกนี่แหละค่ะตัวปัญหา เลยกลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น พอถ่ายรูปทีตากล้องต้องขอให้ยิ้มเห็นฟันตลอด ก็รู้สึกทำได้ไม่ดี แล้วเวลาเผลอหัวเราะ คุยเรื่องสนุกกับเพื่อน ยิ้มทีเหงือกมาเต็มค่ะ ยิ่งเวลาเจอเก็บภาพช่วงเผลอ ตอนหัวเราะ ตอนยิ้มเห็นเหงือกแบบที่ว่า ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่  แฟนก็ล้อตลอด แล้วเป็นคนฟันสั้น ปากเล็กด้วยค่ะ ถ้ายิ้มธรรมดากฌจะไม่เห็นเท่าไหร่ ต้องตอนเผลอ   เลยกลาย