ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review โปรแกรม Skin Repair ดีจริงไหม?​




อย่างแรกเลยที่เม้าซ์ขอพูดถึงโปรแกรมก่อนสำหรับคนที่เข้ามาอ่านนะคะ 
"สกินรีแพร์ ไม่ใช่มาร์กหน้าและไม่ใช่ครีมนะคะ เป็นโปรแกรมผลัดเซลล์ผิวกึ่งยา
ที่ไม่สามารถจำหน่ายได้เหมือนสินค้าทั่วไปค่ะ เพราะงั้นผู้ที่สนใจใช้รบกวนศึกษาข้อมูล
ให้จบและจำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของเม้าซ์อย่างเคร่งครัดค่ะ"


วันนี้เม้าซ์ขอเขียน Topic นี้ขึ้นเพื่อ โปรแกรมนี้โดยเฉพาะนะคะ
เนื่องจากถือว่าเป็น 1 ในโปรแกรมที่ Hit มาก และมีรีวิวการันตีจากคนใช้จริงมากมาย
"Skin Repair" 
สูตรที่ลงตัวและเกือบ 80% ของลูกค้าที่ใช้กลับมาใช้ต่อที่มีโอกาสและกำลังทรัพย์เอื้อในการซื้อ
และมาร์กหน้าที่ก่อนลงน้ำยา เป็นมาร์กสูตรที่เม้าซ์สั่งผลิตขึ้นเองโดยภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ
และมีการเลือกเพื่อเข้ากับสภาพอากาศและความเหมาะสมของบ้านเรา เป็นมาร์กที่ไม่มีสารอันตราย100% ตรวจสอบได้ค่ะ ผลิตขึ้นเพื่อคนที่แพ้ง่ายโดยเฉพาะเพราะไม่ใช้สารใดๆที่อันตรายต่อผิว 
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่เม้าซ์ตั้งขึ้นเพื่อเรียกนะคะหากเพื่อนๆไปเห็นคลินิกอื่นถึงแม้จะชื่อเดียวกันแจ้งตรงนี้เลยนะคะ ว่า "ไม่ใช่ตัวเดียวกันแน่นอนค่ะ" และไม่มีการจำหน่ายที่อื่น ,
ไม่มีตัวแทนใดๆนะคะ * รวมถึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญนะคะ 
เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า"ดีจริงไหม?​" 


ก่อนอื่นเลยเรามาดูว่า โปรแกรมนี้จำเป็นยังไงกันค่ะ
โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ และใช้ง่าย สามารถทำเองที่บ้านได้ 
ซึ่งจะบรรจุในหลอดเข็มฉีดยา เพื่อให้ใช้ง่าย มีเพียง 2 ขั้นตอน
ในการทำใช้ทา ไม่ได้ใช้ฉีด (เพราะหลายคนคิดว่าฉีดเมื่อเห็นบรรจุในเข็มฉีดยา)  
ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ** แม้ในผิวที่แพ้ง่าย รวมถึงคนเป็นสิวหรือติดสารสเตียรอยมา
**กรณีผิวที่อ่อนแอจากการติดสารมารบกวนขอรับการปรึกษาจากเม้าซ์อย่างละเอียดก่อนสั่งนะคะ
ทั้งหมดนี้ยิ่งมีโอกาสได้ใช้จะยิ่งดีกับผิวหน้าตัวเราเองด้วย
ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอย และ AHA ที่ทำให้ผิวแสบ ลอก แดง บาง
เพราะฉะนั้นสรุปง่ายๆ ว่า "ใช้ได้ทุกสภาพผิวและทุกปัญหาผิวค่ะ" 




การทำ Skin Repair เป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วย Nano โมเลกุลขนาดเล็ก (ไม่ใช่ครีมบำรุงหน้า) 
ซึ่งไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองใดๆ หรือไม่ได้ทำให้ผิวแสบ ลอก เหมือนอาการที่
พบกับในบางคนที่ทำ AHA ผลัดเซลล์ผิวหน้า โปรแกรมนี้สามารถทำได้แม้แต่กับคนที่แพ้ง่ายมากๆ เป็นสิว ท้อง หรือรักษาเลเซอร์อยู่หรือแม้แต่คนที่โดยสเตียรอยด์มาจนหน้าพังก็ใช้โปรแกรมนี้เพื่อรักษา เยียวยาได้ค่ะบางคนอ่านมาถึงตรงนี้ต้องอุทานว่า "เห้ยมันวิเศษอะไรขนาดนี้ ​?​ งี้ทำทุกวันหน้าก็ใสซิ" 
อ่านต่อก่อนค่ะ อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกล  ฮ่าๆ เราต้องทำความเข้าใจกันให้ละเอียดก่อน
สรุปว่า ใช้ได้กับทุกคนและทุกวัยค่ะ ผลและสรรพคุณที่มันช่วยแทบจะมากมาย
เม้าเลยสรุปไม่ได้ว่า "ใช้แล้วจะดีขนาดไหน ?​  เพราะผลที่ได้จะอยู่ที่สภาพผิว พื้นฐานผิว
และความเสมอต้นเสมอปลายในการดูแลผิวของแต่ละคนค่ะ"
และอย่าลืมค่ะว่า "เม้าไม่ใช่คนผิวดีแต่เกิด" จนทุกวันนี้กล้ายืนยันจริงๆว่า  เพราะโปรแกรมนี้จริงๆ
ที่มีส่วน **ช่วยในการทำให้ผิวเม้าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่เพียงอย่างเดียวค่ะ
น้องๆเพื่อนๆ ต้องอ่านให้ดีว่า **อ่านให้จบ อย่าเพิ่งเตลิด อ่านด้วยสติ เพราะเม้าไม่อยากให้เชื่อ
โดยไม่ได้พิจารณา เพราะโปรแกรม Skin Repair ไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำเพียงครั้งสองครั้ง
หน้าจะใสเลย มันเป็นเพียงตัวช่วย อย่างอื่นอยู่ที่เราและพื้นฐานผิวเราด้วยนะคะ จำไว้ !!
ถ้าเข้าใจและทำได้รับรองว่า ไม่ใช่เรื่องยากที่ทุกคนจะหน้าใสได้ค่ะ


 Topic นี้จะพูดถึงแค่เรื่องเจ้าโปรแกรมนี้นะคะ เพราะเรื่องการดูแลผิวหน้าของเม้าซ์นั้น
ได้เขียนไว้แล้วทางTopic ก่อนหน้านี้ เพราะงั้น Topicนี้เราจะลุยแค่เรื่อง Skin Repair ค่ะ





ถามว่าทำไม เราถึงต้องใช้ Skin Repair ?​  

โดยปกติทุก 28 วันผิวเราจะผลัดเซลล์ได้อยู่แล้วตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องไปทำอะไรมัน
ตื่นมาล้างหน้า กลับบ้านมาล้างหน้า แค่นั้น แต่เพราะทุกอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนไป
และเครื่องสำอางค์ต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมด้านความงามก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างรอบตัว
ทำร้ายผิวเราได้หมด แม้แต่แสงแดดเองที่ว่า จำทำร้ายผิวเราตั้งแต่ 10โมงเป็นต้นไป จนถึงบ่าย 3
ลองดูดีๆ ตอนนี้แดด 8โมงเช้าก็จ้า แดดจ้องจะเล่นงานแล้วกันแล้ว แดดตอนเย็น 5-6 โมงบางที
ยังเปรี้ยงแสบผิวอยู่ จะให้เลี่ยงตลอดทุกวันก็คงเป็นไปไม่ได้ตลอด แล้วแดดนี่เรียกว่าเป็น
ต้นเหตุของปัญหาผิวเลยก็ว่าได้ สาวๆที่เข้าใจตรงนี้ก็หาทางป้องกัน ด้วยการประโคม
พาเหรดครีมกันแดด SPF สูงๆ ครีมบำรุงเข้มข้นมากมายใส่เข้าไป แค่นั้นไม่พอบางคนก็ต้อง
โบกรองพื้น ไพรเมอร์  บีบีครีมลงบนหน้าอีกแล้วแต่ถนัด ถึงจะสบายใจก่อนก้าวออกบ้าน
ต่อให้เราจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้า แต่ว่า ฝุ่น  ควัน มลภาวะ เหงื่อที่เกาะสะสมบนหน้าเรา
ในแต่ละวันนั้นก็ยังคงสะสมได้ทุกวันๆ  พอกลับบ้านมาน้อยคนมากที่จะจดจ่อกับการตั้งใจล้างหน้า
คิดว่าล้างหน้าสะอาดแล้ว ซึ่งจริงๆ ยังไม่พอ พยายามหาครีมบำรุงที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ประโคมหลังล้างหน้าก็พอแล้ว ซึ่งจริงๆ เรากลับมองข้ามไป ว่าแต่ละวันสิ่งที่เกาะอยู่บนผิวหน้าเรา
มันคงสะสมในรูขุมขนเราไปเรื่อยๆ แทนที่ 28 วันผิวจะผลัดเซลล์ได้ตามธรรมชาติแต่กลับไม่ใช่
เพราะสิ่งสกปรกต่างๆอุดตันมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวเลยผลัดเซลล์ไม่ได้เต็มที่ คิดหรอว่าครีมแพงๆที่เราใส่ไป
ผิวเราจะรับได้จริง ?​ แทนที่จะรับได้เต็มที่ เห็นผลชัดเจนกว่านี้ และนี่คือที่มาของ 108 ของผิวหน้า
ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวผด หน้าหมอง เครื่องสำอางค์ไม่ติด หน้ามัน สีผิวไม่เรียบ สิวต่างๆ
รูขุมขนกว้าง ล้วนแต่เกิดจากเราล้างหน้าไม่สะอาดทั้งนั้น Skin Repair จึงมาทำหน้าที่เป็นตัวช่วย
ที่จะผลัดเซลล์ผิว สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจว่าผิวตัวเองนั้นสะอาดพอไหม

โดยเฉลี่ยผิวเราจะผลัดเซลล์ทุก 28 วันโดยไม่ต้องทำอะไร แต่ในวัย 40 ++  หรือบางคนอาจจะไวกว่านี้หรือช้ากว่านี้นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและร่างกายแต่ละคน การผลัดเซลล์ผิวอาจจะช้าลง เพราะงั้น 28 วันเป็นเพียงการวิจัยโดยเฉลี่ยท่ีพบข้อมูลในเชิงวิชาการนะคะ แต่โดยส่วนมากผิวเราส่วนมากที่มีปัญหาจะไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้เนื่องจากสิ่งสกปรกอุดตันจำนวนมาก เกิดจากการดูแลผิวที่ผิดวิธีค่ะ 


2 ขั้นตอนง่ายๆ ในการทำ Skin Repair
ก่อนจะไปอ่านขั้นตอนนั้น มาดูกันค่ะว่า เมื่อเราสั่งโปรแกรมนี้เราจะได้อะไรบ้าง ?​
1)  น้ำยา จำนวน 6หลอด 
2)  มาร์ก
3)  วิธีการทำ



 มาเริ่มกันค่ะ จะอ่านหรือดูตามภาพก็แล้วแต่สะดวกนะคะ 


กรณีได้มาร์กผง
1)  ก่อนนอนล้างหน้าให้สะอาดตามปกติ (ใช้คลีนเซอร์ร่วมก่อนโฟมเพื่อให้เครื่องสำอางค์
หรือใครที่ใช้รองพื้นหลุดออกให้หมด เพื่อให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น) เช็ดหน้าให้แห้งด้วยทิชชูเช็ดหน้า


2)  ผสมมาร์กด้วยการตักด้วยช้อนตวงสีขาวลงในภาชนะแบ่งอะไรก็ได้ที่สะอาด 2 ช้อนตวง แล้วจึงผสมด้วยน้ำสะอาด (น้ำดื่มหรือน้ำทั่วไปก็ได้) แล้วรีบคน (อย่าผสมทิ้งไว้นานเพราะมาร์กจะเกาะตัวเป็นวุ้นใช้ไม่ได้ค่ะ ผสมแล้วให้ใช้ทันที) คนให้เข้ากันอย่าให้เหลวเกินไป แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ 15 Mins แล้วแกะออก
 ** มาร์กที่ได้อาจจะต่างกันออกไปค่ะ จะจัดให้ตามสภาพผิวแต่ละคนค่ะ / มาร์กไม่ต้องเก็บในตู้เย็น 





3)  นำเข็มน้ำยาออกจากตู้เย็น เปิดฝาสีส้ม แล้วค่อยๆกดน้ำยาลงปลายนิ้วที่สะอาดและแห้ง แล้วทาย้อนรูขุมขนบางๆจนทั่วหน้า เว้นบริเวณที่ผิวบางพิเศษ และรอบดวงตา ทาให้ทั่ว หากน้ำยาเหลือให้เอาย้ำบริเวณที่ต้องการ เช่น รอยดำ สิวเสี้ยน หรือเอามาทารักแร้จะช่วยทำให้รักแร้เนียน และใสขึ้นได้ค่ะ เมื่อลงน้ำยาเสร็จเข้านอนได้ทันที ไม่ต้องทาครีมหรืออะไรต่อเด็ดขาด และห้ามโดนน้ำ 5 ชม.หลังทำ เช้ามาสามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ และคืนอื่นๆที่ไม่ได้ทำโปรแกรมก็บำรุงได้ตามปกติค่ะ






กรณีได้มาร์กเจล
1)  ก่อนนอนล้างหน้าให้สะอาดตามปกติ (ใช้คลีนเซอร์ร่วมก่อนโฟมเพื่อให้เครื่องสำอางค์
หรือใครที่ใช้รองพื้นหลุดออกให้หมด เพื่อให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น) เช็ดหน้าให้แห้งด้วยทิชชูเช็ดหน้า



2)  เปิดกระปุกมาร์กจะบรรจุมาร์กอยู่ในซอง พร้อมหยิบใช้ (กระปุกมาร์กแช่เย็นตลอด) ใช้ครั้งละ 1 ถุงให้หมด มาร์กหน้าทิ้งไว้ 15 Mins 
 ** มาร์กที่ได้อาจจะต่างกันออกไปค่ะ จะจัดให้ตามสภาพผิวแต่ละคนค่ะ 



3)  นำเข็มน้ำยาออกจากตู้เย็น เปิดฝาสีส้ม แล้วค่อยๆกดน้ำยาลงปลายนิ้วที่สะอาดและแห้ง แล้วทาย้อนรูขุมขนบางๆจนทั่วหน้า เว้นบริเวณที่ผิวบางพิเศษ และรอบดวงตา ทาให้ทั่ว หากน้ำยาเหลือให้เอาย้ำบริเวณที่ต้องการ เช่น รอยดำ สิวเสี้ยน หรือเอามาทารักแร้จะช่วยทำให้รักแร้เนียน และใสขึ้นได้ค่ะ เมื่อลงน้ำยาเสร็จเข้านอนได้ทันที ไม่ต้องทาครีมหรืออะไรต่อเด็ดขาด และห้ามโดนน้ำ 5 ชม.หลังทำ เช้ามาสามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ และคืนอื่นๆที่ไม่ได้ทำโปรแกรมก็บำรุงได้ตามปกติค่ะ 





เมื่อตื่นนอน ?​  
เมื่อตื่นนอนแล้วเพื่อนๆ สามารถล้างหน้าทำทุกอย่างตามปกติได้ค่ะ ไม่มีข้อหลีกเลี่ยงหรือ
ข้อปฏิบัติใดๆ ต้องทำค่ะ




มีคนแพ้ไหม?​ 
อย่างที่เม้าซ์แจงไว้ด้านบนว่า คนแพ้ง่ายใช้ได้ แต่ถามว่ามีคนแพ้ไหม?  เพื่อนๆลองอ่านดีๆ นะคะ
คำตอบคือ "มี" ค่ะ เพราะอะไร ?​ นั่นเพราะจำนวนคน 20 คนอาจจะมีคนแพ้สัก 1 คน
เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนแพ้ง่ายใช้ไม่ได้ และไม่ได้หมายถึงว่า
ในโปรแกรมนี้มีส่วนผสมที่อันตราย แต่เพราะว่า เป็นไปได้ว่า มีคนแพ้ส่วนผสมในโปรแกรมนี้
ยกตัวอย่าง : ถ้าเราพูดถึง "ผัก" เราจะคิดว่าใครๆ ก็เกิดมาแล้วกินผักได้  แต่ถามว่า เป็นไปได้ไหม ​?​
ที่จะมีคนแพ้ผัก คำตอบคือ "เป็นไปได้" ค่ะ เราอาจจะเคยได้ยินว่ามีคนแพ้ กะหล่ำ ถั่วงอก
ซึ่งเป็นการแพ้ที่พบได้น้อย นั่นหมายถึงว่า โปรแกรม Skin Repair ไม่ได้มีส่วนผสมที่คนทั่วไปแพ้
และคนแพ้ง่ายก็ใช้ได้ แถมยังทำให้ผิวดีขึ้น แต่ว่าเป็นไปได้ค่ะ ที่บางคนจะแพ้ส่วนผสมบางอย่าง
ซึ่งตรงนี้ต้องลองใช้ค่ะ เราถึงจะทราบว่า เราแพ้ไหม แต่พบน้อยมากค่ะ รวมถึงกรณีที่แพ้จากผลข้างเคียง  side effect จากปัจจัยอื่นๆ เช่น กรณีคนที่ผิวแห้งมาก ไม่ได้รับการบำรุงใดๆมาก่อนเลย ผิวจะค่อนข้าง sensitive มากๆค่ะ เมื่อใช้โปรแกรมนี้อาจจะทำให้ผิวปรับไม่ทัน ก็ต้องดูตามเคสอีกทีค่ะ หรือบางคนที่ทำเลเซอร์มาจนหน้าบางมากๆ ก็ยังไม่อยากให้ใช้ค่ะรอให้ผิวได้ปรับสภาพให้ดีเสียก่อน เพราะงั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลเป็นรายบุคคลไปอีกทีนะคะ 





เห็นผลในครั้งแรกที่ใช้เลยไหม?​  
ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะ เพราะไม่ใช่พวกสเตียรอยที่จะเห็นผลเร็วทันใจโปรแกรมน้ีอาจจะรู้สึกได้ในครั้งแรก แต่ไม่ได้เห็นผล การเปลี่ยนแปลงในครั้งสองครั้งค่ะต้องอยู่ที่พื้นฐานผิวและความเสมอต้นเสมอปลายด้วย ต้องทำต่อเนื่องค่ะไม่มีอะไรที่เห็นผลเร็วทันใจ อย่างสมมุติบางคนที่หน้าไม่ใส ไม่ได้ดูแลมาเป็นปีๆแต่อยากจะใสเพราะโปรแกรมนี้ในไม่กี่วัน บอกเลยค่ะว่า ไม่มีทาง โปรแกรม Skin Repair เป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น ที่เหลืออยู่ที่เรา ยิ่งเราดูแลมากก็ยิ่งดีกะ เราค่ะอย่างที่คนมักถามว่า "อยากหน้าใสต้องใช้อะไร?" นี่คือคำถามที่ ฮิตที่สุดเม้าไม่ได้เขียนมาเพื่ออวดอ้างขายของว่า ใช้โปรแกรมนี้แล้วหน้าจะใสไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จค่ะ ต่อให้ครีมกระปุกหลายหมื่นแต่เรายังเริ่มต้นล้างหน้าไม่สะอาดหน้าเราก็ไม่มีทางใสค่ะ ทุกอย่างเกี่ยวข้องหมด เป็นปัจจัยหมดที่จะทำให้เราหน้าใสตั้งแต่การล้างหน้า การเลือกครีม การดูแล ต่างๆ เราจะได้ตามที่เราให้ผิวเราค่ะเพราะงั้นถ้าเรากะว่า ซื้อไปลอง ครั้งสองครั้ง หวังว่าจะเห็นผล มันไม่ได้ค่ะ เราอาจจะรู้สึกผิวดีขึ้นแต่ว่าไม่ได้หมายความว่า แค่ครั้งสองครั้งจะเพียงพอค่ะ




แล้วควรทำบ่อยแค่ไหน ​?​ 

อยู่ที่งบและสภาพผิวเราค่ะ เม้าบอกเพื่อนๆในไอจีเสมอว่า บางครั้งเรื่องความสวยต้องลงทุน
ถ้าเม้าบอกไปว่า ควรจะทำต่อเนื่องทุก3-5วันแต่ว่า ถ้าน้องๆบางคนที่ยังหาเงินไม่ได้ งบไม่พอก็ไม่อยากให้เดือดร้อนพ่อแม่หรือเพื่อหาเงินมาทำค่ะ ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ก่อนถ้าน้องๆยังไม่มีเงิน แค่พยายามล้างหน้าให้สะอาด ล้างหน้าตามแนวขน แค่นั้นก็พอค่ะส่วนผู้ที่ไม่มีปัญหาในเรื่องงบ ถามว่าควรทำบ่อยแค่ไหน  ? เม้าแนะนำว่า ตามสภาพผิวดีกว่าค่ะอย่างเม้าจะทำอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือช่วงที่รู้สึกเจอฝุ่น เจอควัน เจอเครื่องสำอางค์บ่อยๆ ก็ทำสัก 2 อาทิตย์ครั้งค่ะ 

ซึ่งแต่ละเคสนั้นเม้าซ์ขอดูแลเป็นเคสไปนะคะ ** เพราะขึ้นอยู่กับสภาพผิวค่ะ บางคนก็ไม่เหมาะที่จะทำ บางคนก็เหมาะที่จะทำ แต่ความบ่อยในการทำรบกวนปรึกษาต่อเคสอีกทีนะคะ 






การเก็บรักษา 

เมื่อสั่งซื้อไว้แล้วสามารถเก็บไว้ใช้ได้เป็นปีค่ะ แต่ไม่ควรให้โดนความร้อน ควรเก็บไว้ในตู้เย็นค่ะ
นำมาใช้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ ทั้งมาร์กในซองและน้ำยาค่ะ



 ราคา - 4,999/6 ครั้ง , 6,400/8 ครั้ง , 7,700/10 ครั้ง ,1100 ต่อครั้ง ส่งฟรี * 



การสั่งซื้อ    Line - dada_skin , 094-6012494 









ความคิดเห็น

  1. รายละเอียดแน่นแป๊ะเลยค่ะ

    ตอบลบ
  2. น่าสนใจค่ะ อยากมีผิวกระจก หน้าใสเหมือนคุณเม้าท์

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Review ประสบการณ์ทำตากับบียอน(เทคนิคเย็บจุดเดียว)

TOPIC นี้เม้าซ์เอารูปปัจจุบันที่เห็นตาชัดๆ ให้ดูก่อนนะคะ     วันนี้เอาใจสาวๆที่เชียร์ให้เขียน Topic นี้กันค่ะ หลังจากที่ทำไปแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ ส่วนมากก็ Review ลงแค่ใน IG แต่ก็ไม่สามารถสาธยายได้ยาวเหยียดเท่าในนี้นัก งั้นวันนี้ลองมาอ่านแบบละเอียดกันดูค่ะ หรือใครที่ search จาก Google ก็สามารถเข้าไป ดู Review อีกแนวได้ทาง IG เม้านะคะ Search : @arindada.k / @reviewdada ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ก่อนอื่นเม้าต้องขอพูดถึงลักษณะตามเม้าซ์ก่อนนะคะ พร้อมภาพประกอบ  ตามที่เคยบอกบ่อยๆ ว่าเม้าไม่เคยศัลยกรรมอะไรมาก่อนนอกจาก "จมูก" จริงๆ และตาเป็นอวัยวะที่เพื่อนๆถามถึงบ่อยมาก ว่าทำที่ไหน และเม้าก็ตอบตามความจริงว่า ไม่เคยทำ ซึ่งคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เม้าก็ไม่สามารถที่จะไปขอร้องให้ทุกคนเชื่อได้ทั้งหมด เพราะปกติเม้าไม่ใช่คนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมและถึงแม้ว่าจะเป็นคนให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเม้าทำอะไรเม้าสามารถบอกได้ทุกอย่างค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ กับประสบการณ์ "ทำตา" และเม้าเต็มใจที่จะแชร์ให

Reviewตัดเหงือกกับ Dental me เชียงใหม่ (Gummy Smile)

Topic นี้เม้าซ์ขอแหวกแนวบ้างนะคะ จากที่จะพูดเรื่องศัลยกรรมขอมาที่เรื่อง "ฟัน" บ้างนะคะ  เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เม้าซ์อยากจะทำมานานมากแล้ว และเป็นเหมือนปมด้อยที่ถูกล้อบ่อยๆ นั่นคือเรื่องของ  "ยิ้มเห็นเหงือก"  ค่ะ หรือเรียกแบบเก๋ๆว่า  Gummy Smile  ฟังดูน่ารัก เนาะ ฮ่าๆ  มาขยายความเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ก่อนจะไปตามอ่านรีวิวกัน  Gummy Smile   คือการที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากกว่าปกติค่ะ ที่ฟันบน แน่นอนว่าใครที่มีปัญหานี้คงขาดความมั่นใจ เพราะมันดูไม่สวย ยิ่งเม้าซ์นี่ทำงานด้านนี้ ยิ้มเห็นเหงือกไม่พอ แต่ฟันเล็ก สั้นด้วยค่ะ ปากก็เล็ก ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนฟันหนู บางคนก็บอกน่ารักดี แต่ตัวเหงือกนี่แหละค่ะตัวปัญหา เลยกลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น พอถ่ายรูปทีตากล้องต้องขอให้ยิ้มเห็นฟันตลอด ก็รู้สึกทำได้ไม่ดี แล้วเวลาเผลอหัวเราะ คุยเรื่องสนุกกับเพื่อน ยิ้มทีเหงือกมาเต็มค่ะ ยิ่งเวลาเจอเก็บภาพช่วงเผลอ ตอนหัวเราะ ตอนยิ้มเห็นเหงือกแบบที่ว่า ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่  แฟนก็ล้อตลอด แล้วเป็นคนฟันสั้น ปากเล็กด้วยค่ะ ถ้ายิ้มธรรมดากฌจะไม่เห็นเท่าไหร่ ต้องตอนเผลอ   เลยกลาย

แค่เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดก็เข้าใกล้หน้าใส

ก่อนที่จะอ่าน Topic นี้เม้าขอเพื่อนๆอย่างนึงว่า  "ขอให้อ่านจนจบค่ะ แล้วสงสัยตรงไหนค่อยถามหลังอ่านจบแล้วนะคะ" เหตุผลที่เม้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะ แชร์ประสบการณ์การดูแลผิวสำหรับเพื่อนๆที่อยากหน้าใส ได้รู้วิธีที่ถูกต้อง และเป็น Topic ที่อยากจะให้ทุกๆคนได้อ่าน เพื่อเข้าใจอะไรที่ถูกต้อง และเพื่อแบ่งเบาตัวเองด้วย เนื่องจากเรื่องผิวค่อนข้างละเอียดอ่อน เม้าไม่สามารถที่จะนั่งตอบคำถาม และอธิบายให้ทุกคนที่เข้ามาปรึกษาได้อย่างยาวเหยียดว่า เราต้องทำยังไงกับผิวหน้าตัวเองบ้าง เพราะเรื่องผิวละเอียดมากๆค่ะ และการจะให้คำปรึกษาแต่ละเคส ใช้เวลานานมากเช่นกันค่ะ "หากอยากจะหน้าใส ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่รู้วิธี เพื่อนๆเองก็ต้องเริ่มจากอ่านค่ะ อ่านมันให้จบ และหลังจากนั้น ค่อยถามในสิ่งที่เม้าไม่ได้เขียนไว้ใน Blog นี้  ได้ตามสบายค่ะ เพื่อแบ่งเบาให้เม้าและเพื่อตัวเพื่อนๆเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดน้า จะได้ดีกับทั้งคนให้คำปรึกษาและเพื่อนๆเองนะคะ"  สิ่งที่เม้าจะเขียนนี้ คือ “การดูแลผิวหน้าตามแบบเม้าซ์ ” นั่นเพราะว่ามีวิธีดูแลผิวอีก 108 พันอย่าง