ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Review ประสบการณ์เติมเต็มหน้าผากด้วยฟิลเลอร์(เทคนิคพิเศษเฉพาะโดยแพทย์เชี่ยวชาญ)









 จากรูปที่เลือกมาจั่วหัว Topic นี้เป็นรูปที่เห็น Curve หน้าผากเม้าล้วนๆค่ะ ซึ่งเวลาถ่ายรูปถามว่ามุมไหนที่เม้าซ์ชอบที่สุด มั่นใจที่สุด ไม่ใช่มุม 45 องศานะคะ มุมตรงเห็นหน้าก็ไม่ใช่ แต่มันคือ "มุมข้าง" ประมาณว่า เห็นหน้าแล้วความสวยลดลง 50% ฮ่าๆ ซึ่ง Topic นี้เม้าจะมาขอแชร์ประสบการณ์โดยละเอียดสำหรับสาวๆที่อยากมีหน้าผากCurve สวยรับกับหน้าด้วยกันค่ะ 


 ว่าด้วยเรื่อง "หน้าผากโหนกนูน"  เชื่อว่า เป็นที่ต้องการ ของสาวๆค่ะ
ถ้าเพื่อนๆที่เคยมีประสบการณ์​เข้ามาปรึกษาเม้าซ์ทาง Line หรือ ติดตามใน IG
น่าจะเคยผ่านตา เม้าซ์จะส่งสิ่งที่เม้าเคยเขียนไปให้อ่าน เพื่อ "ไม่ให้ฉีด"
ย่อๆ นั่นคือ "ถ้ามีปัญหาหน้าผากแบน ต้องการให้นูน ไม่ควร *ฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้นูน ถ้าจะทำ 
ก็เอาวิธีที่ชัวส์สุด คือ เติมไขมันตัวเอง ไม่ก็ผ่าตัดซิลิโคน"
*** จำได้ไหมเอ่ย ใครเคยอ่านบ้าง แต่ทั้ง2วิธีที่ชัวส์นั้น ก็น้อยคนนักจะเอื้อมถึง ทั้งค่าใช้จ่ายที่สูง
ความน่าสะพรึงที่ไม่อยากคิดภาพ ความยุ่งยาก ไหนจะหาหมอทำยากอีก
เม้าซ์เลยหาทางออกให้ในสิ่งที่เม้าเคยห้ามค่ะ งงใช่ไหมเอ่ย ?
เคยห้ามแต่กลับมาแนะนำให้เอง ติดตามอ่านให้จบนะคะ



 เนื่องด้วยปัญหาที่สาวไทยหลายคนมาก วนเวียนมาปรึกษาปัญหานี้ และเป็นปัญหาที่มีผลมากๆ
กับคนหน้าผากแบน ทั้งดูแก่ * โหงวเฮ้งไม่ดี * เพราะหน้าผากเป็นจุดที่บ่งบอกถึง
โหงวเฮ้งบนหน้าแต่ละคน ซึ่งบางคนอาจจะไม่ถือ #เม้าเองก็ไม่ถือค่ะ ไม่รู้เรื่องและไม่วิตกกับเรื่อง
หงวเฮ้งเท่าไหร่ แต่สำหรับเม้า โหงวเฮ้งจะดีก็ต่อเมื่อหน้าตาเราดูดีขึ้น อะไรดีๆ ก็จะดีตาม 
แค่นั้นเองค่ะ เพราะไม่มีค. รู้ด้านนั้น ซึ่งใครที่เคยปรึกษาเม้ามาโดยตรง เชื่อว่า "ไม่มีใครได้ทำ"
เพราะการใส่ไขมันตัวเองและ การผ่าตัดซิลิโคนก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำง่ายๆ ไหนจะหาหมอเก่งๆทำยากอีก ค่าใช้จ่ายที่จะเป็นลมอีก #ทางเลือกด้วยการเติมฟิลเลอร์เลยดูง่ายที่สุดแต่ก็เป็นสิ่งที่เม้าห่วงสาวๆมากที่สุด ซึ่งตอนนี้มีทางออก ท๊าดา ~า ฮ่าๆ


 ด้วยประสบการณ์โดยตรงนี้ขอให้สาวๆ เสพย์ข้อมูลกันเต็มที่นะคะ จะพยายามเขียนให้เข้าใจง่าย
สงสัยตรงไหน หลังไมค์นะคะ จะเขียนให้เข้าใจง่ายที่สุด ใช้วิจารณญานกันตามสะดวกเลยค่ะ
เพราะโปรแกรมนี้ บอกเลยค่ะว่า #ไม่ธรรมดาเลย แล้วเพื่อนๆจะรู้ว่า #ทำไมต้องให้หมอจักษุโดยเฉพาะทางทำ ซึ่งที่นี่มีแพทย์ที่เป็นหมอเฉพาะทาง และเป็นหมอจักษุโดยเฉพาะค่ะ รวมถึงเป็นหมอที่สอนฉีดฟิลเลอร์หน้าผากของไทยคนนึง



ก่อนที่จะทำระหว่างนั้นเม้าก็พูดคุยกับคุณหมอท่านอื่นในคลินิกค่ะซึ่งทุกคนพูดแค่ว่า "เม้าจะทำทำไม?" เพราะทุกคนเห็นว่าหน้าผากเม้าโหนกนูนรับกับรูปหน้าอยู่แล้วแต่สิ่งที่เม้าต้องการคือ"ต้องการเติมเต็มค่ะ"ซึ่งเดี๋ยวรออ่านต่อนะคะ ว่ายังไง ตอนนั้นเม้าก็คิดแค่ว่า "เติมเต็มนิดนึงพอ" และการแชร์ประสบการณ์นี้ ไม่ได้มีการว่าจ้างใดๆนะคะ เม้าซ์เขียนขึ้นด้วยตัวเองเพื่อให้ข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจค่ะ เพราะฉะนั้นเม้าซ์จะไม่ลงชื่อคลินิกนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการโฆษณาค่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจ เม้าซ์ขออนุญาตให้มาสอบถามหลังไมค์เองละกันนะคะ 

เรามาดูกันค่ะว่าการเติมหน้าผากมีเติมแบบไหนบ้าง 

เ ติ ม เต็ ม 74-5.gif ปกติหน้าผากผู้หญิงไทยจะไม่เต็มค่ะ ไม่เรียบเสมอกันมีส่วนเว้าหายเล็กๆน้อยๆ ลองส่องกระจกค่ะ จะมีน้อยคนที่เรียบเต็มเสมอกัน ซึ่งดาราส่วนมากก็ต้องทำการเติมเต็ม เพราะมีผลมาก แม้จะมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง อาจจะเว้า อาจจะเห็นโครงกระดูกบ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่จะไม่เต็มซะส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนี้มีผลมากๆ แม้จะมองไม่เห็นชัดเจน จะทำให้แก่กว่าคนที่หน้าผาก ขมับเต็ม และโหงวเฮ้งดี อีกทั้งยังดูหน้าตาโดยรวมเด่นขึ้นค่ะ โดยที่เราอาจจะไม่ทันสังเกต ดูแล้วสดใส สุขภาพดี สรุปว่า มันดีกว่าคนที่หน้าผากไม่เต็ม  #ซึ่งเม้าทำแบบนี้ค่ะ


เ ติ ม ใ ห้ นู น 74-5.gif ปกติหน้าผากผู้ญ ไทยหลายคนก็จะมีปัญหาหน้าผากแบนค่ะ และฝันอยากจะมีหน้าผากอวบ นูน มองด้านข้างแล้วนูนสวย ซึ่งอันนี้เม้าโชคดีหน่อยที่มีอยู่แล้ว แต่หลายคนที่ยังไม่มีก็จะสรรหาวิธีเพื่อให้นูนเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดทันทีหลังทำ มีผลมากๆตามวิธีเติมเต็มค่ะ และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากๆค่ะ

 พอดูออกไหมคะว่าเพื่อนๆ ต้องทำแบบไหน ? 
 121.gif ต่อไปเม้าจะเริ่มเล่าขั้นตอนการทำแทรกไปด้วยค่ะ แต่จะไม่เล่าเป็นข้อๆนะคะ จะเล่าเหมือนเขียนเล่าเรื่องเลยหลังจากที่เม้าเข้าไปคลินิกทุกคนก็เพียงแต่ออกค.เห็นว่า"เม้าต้องทำอีกหรอมันนูนแล้ว หน้าผากสวยแล้ว" เม้าก็ยืนยันแค่ว่า "จะเติมเต็มนิดหน่อย" แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไร 55+ ติดตามต่อดีๆ นะคะ ก่อนจะเริ่มทำ อย่างแรกค่ะ แปะยาชา 98-6.gif ที่หน้าผากแปะเสร็จเม้าก็ไปเดินเล่นค่ะ เดินทั่วห้าง คนก็จิ้มๆชี้ๆ ตัวอะไร มันทำอะไรของมัน 555+ ตอนแรกก็งง แค่จิ้มฟิลหน้าผากทำไมต้องแปะยาชา ปกติเป็นคนไม่กลัวเข็มค่ะ สดทุกอย่างอาจจะด้วยความเคยชิน แต่หมอบอกแปะไปเถอะก็เลยแปะตามที่หมอบอกค่ะ  ปรากฎว่า พอได้เข้าไปที่ห้องปุ้ป "เป็นห้องปลอดเชื้อค่ะ" 101.gifเริ่มงง ทำไมเครื่องไม้เครื่องมือมันเยอะแยะเลย หมอก็เริ่มอธิบายว่า 99-7.gif ฟิลเลอร์ที่เราใช้กับหน้าผาก ต้องเป็นตัวนี้ เม้าใช้ Perfectha ค่ะ  ซึ่งถือว่าได้รับการยอมรับเป็นสากล และใช่ว่าใช้ตัวเดียวกันได้นะ ต้องใช้ตัว Subskin โดยเฉพาะ ซึ่งไม่ได้ใช้ได้กับทุกส่วนบนหน้า มีความปลอดภัย100% เพราะเป็นไฮย่า (สลายได้ตามอายุของมันค่ะและที่นี่ตัวยาของแท้ 100% ซึ่งรายละเอียดตรงนี้คนที่ไม่ได้สนใจศึกษาด้านนี้โดยตรงอาจจะงงนะคะ แต่ส่วนตัวเม้าทราบข้อมูลดีเรื่องฟิลเลอร์  เพราะคลุกคลีอยู่แต่กับเรื่องนี้ เลยไม่งงค่ะ ซึ่งจริงๆฟิลเลอเลอร์ยี่ห้อนึงนั้นจะแยกออกเป็นอีกหลายรุ่นค่ะ แต่ละรุ่นก็จะแยกใช้ตามหน้าที่ของมันที่แตกต่างกันออกไป (ตรงนี้เราไม่ต้องซีเรียสนะคะ รู้เท่าที่เม้าบอกก็พอค่ะเพราะเราจะมาพูดถึงการฉีดหน้าผาก) 99-7.gif และตอนแกะกล่องจะแกะให้ลค. เห็นเลยตรงนั้น ให้ลค.เชคได้เลย เพราะบางที่หัวหมอ* เอากล่องมาวางให้ลค. ตายใจแต่ไม่ได้ใช้จริงค่ะ เชคกันดีๆ นะคะ  ถึงตอนขึ้นมานอนเตียง ซึ่งเราก็ตกใจว่าทำไมดูพิธีการเยอะ หมอก็อธิบายต่อเรื่องตัวฟิลเลอร์ที่จะใช้ฉีดนี้ให้ฟังค่ะ ว่าด้านในจะเป็นแบบนี้ เรา ต้องใช้เข็มปลายทู่โดยเฉพาะ เพราะปลอดภัย 88-4.gif (เรียกว่า แคน - นู- ล่า) และจักษุแพทย์เป็นคนทำหัตถการ การใช้เข็มปลายแหลม จะอันตรายมากๆถ้าพลาดอาจจะทำให้โดนเส้นเลือดแล้วตาบอดได้เลยนะคะ และไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยค่ะ มีหลายคลินิกแล้วแต่ปิดข่าว เพราะแพทย์ไม่ชำนาญพอค่ะ แบบนี้ถึงไม่ค่อยมีแพทย์ที่จะฉีดฟิลหน้าผากค่ะ เพราะถือว่าต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก เพราะบริเวณหน้าผากเส้นประสาทและเส้นเลือดเยอะมากๆ อันตรายมากๆ เราต้องเลี่ยงให้ดี (หมอที่นี่เป็นหมอจักษุเลยค่ะสบายใจแทบไม่มีโอกาสที่จะพลาดได้ค่ะ) การฉีดต้องใช้วิธีสอดเข็มไปใต้ผิวหนังเพื่อเลี่ยงเส้นเลือด {ถ้าหมอมาอ่านข้อมูลเพี้ยนขอโทษนะคะ พอดีตอนนั้นเกร็งมาก จำมาได้แค่นี้ค่ะ ฮ่าๆ } แต่เอาเป็นว่า ฟังแล้ว รู้แค่ว่า "มันน่ากลัวมาก และไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แค่ว่า จิ้มๆ แปปๆ แล้วก็รู้แล้วว่า ทำไมต้องให้หมอจักษุทำถึงดีกว่า มันไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ"

ฟิลเลอร์ที่คุณหมอใช้ คือ Perfectha Subskin ค่ะลักษณะปลายเข็มจะทู่เรียกว่า "แคน นู ล่า" ค่ะ


มาถึงขั้นตอน ตอนจิ้มเข็ม 100-7.gif แล้วนะคะ ลุ้นกันเมื่อไหร่จะเริ่มสักทีใช่ไหมเอ่ย 
(ตอนนี้เม้านอนบีบมืออย่างเดียวค่ะ แล้วพูดแค่ว่า "นึกว่าผ่าตัดอยู่ " ฮ่าๆ ) ตื่นเต้นมากๆ
หมอก็ประเมินเคสเม้าก่อนค่ะ "เม้าต้องทำหรอ หน้าผากสวยแล้วนะ" หลังจากเปิดไฟขาวเชคอีกครั้งเม้าก็บอกหมอแค่ว่า "เม้าไม่เอานูนนะ เอาเติมเต็มพอ" แล้วหมอก็ถึงบางอ้อค่ะหมอบอกว่า"ดูตาเปล่าโดยรวมไม่รู้เลยว่าเม้าต้องทำแต่พอมาตั้งใจดูจริงๆ ก็รู้แล้ว เห็นปัญหาเม้าคือ หน้าผากนูนดีแล้ว แต่มีส่วนที่ไม่เต็ม และสามารถเติมได้เยอะเลยค่ะ รวมถึงขมับด้วย" เพราะงั้นรอจัดเลยค่ะ เม้าก็นอนเกร็งต่อ หมอบอก เดี๋ยวจะเห็นเลยหลังทำว่าหน้าผากเต็ม จะดูเด็กขึ้นอีกเยอะเลยไม่ให้นูน
{พอดีแฟนไปส่งค่ะ เค้าเขม่นว่า ถ้าหน้าเปลี่ยนมีเรื่อง ถ้านูนกว่าเดิม มีเรื่อง เราก็รับปาก}





หมอเริ่มฉีดยาชา 100-7.gif ที่ขมับข้างละจุดค่ะ (ค. รู้สึกจิ้ดๆ ได้ยินเสียงยาเข้าไปไม่ค่อยเจ็บ)
ถึงไฮไลท์ที่อยากกรีดร้องจุดพีคของงานค่ะสอดยาชาเข้าใต้ผิวหนังที่หน้าผาก2ข้างกรีดร้องเบาๆ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เจ็บนะคะแต่เป็นความรู้สึกที่แปลก ไม่ชิน และเสียวๆ เจ็บนิดหน่อยแปปนึง มันดังกึกๆ แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่เจ็บนะคะ แต่แปปเดียวไม่เจ็บอะไรมาก แต่รู้สึกไม่ดีเลย  ขั้นตอนหลังจากนี้ไม่เจ็บละค่ะ ไม่รู้สึกแล้วจะเกร็งอย่างเดียว หมอจะเริ่มสอดเข็มเข้าใต้ผิวที่หน้าผากบริเวณที่จะเติมเต็ม รู้สึกแค่มีอะไรสอดไปใต้ผิวแต่ไม่รู้สึกเจ็บค่ะ ทำไปแบบนี้เรื่อยๆ จะมารู้สึกอีกทีตอน เติมเต็มบริเวณ "ขมับ" จะรู้สึกว่ามีน้ำยาเข้าไป จะปวดบริเวณขมับนิดๆ ค่ะ ลืมบอกว่า ยาชาที่หน้าผากอาจจะทำให้รู้สึกชาทั่วบริเวณนั้นนะคะ ถึงหัวเลย









  มาดูหลังทำค่ะ อาจจะไม่มีรูปประกอบชัดเจนนะคะนะคะ จากรูปด้านบน เพราะ "ดูด้านข้างอาจจะเหมือนเดิม"(ของเม้าฉีดเติมเต็มค่ะ)ไม่ได้ฉีดนูน(ถ้าฉีดนูนจะเห็นชัดกว่าค่ะ)แต่ถ้ามองหน้าตรงมองจากกระจกเห็นชัดมากว่าหน้าผากเต็มขมับเต็มมันจะดูเต็มขึ้นลองสังเกตค่ะคือปลื้มและฟินมาก จะไม่เห็นว่า เปลี่ยนแปลง แต่เราจะรู้ตัวเองว่า เปลี่ยนค่ะ ถ่ายรูปจะไม่ค่อยเห็น เอาง่ายๆ คือหน้าเราจะเต็มขึ้น ดูดีขึ้นโดยที่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แฟนเม้าเองเงียบค่ะไม่บ่นสักแอะตามที่ตกลงกัน ไอ่เราก็ฟินมาก ประสบการณ์ครั้งนี้ เริ่มหายเกร็ง ปวดหัวตึบๆ แต่ชามาก จับหัวก็ไม่รู้สึก แต่เดี๋ยวอาการพวกนี้จะหายไปค่ะ ไม่ต้องกังวล (ยาชาเม้าอยู่ประมาณ 2-3 ชม. แล้วหายไปค่ะ คืนแรกอาจจะปวดหัวนิดๆ ตึงๆ พอตื่นมาไม่ปวดแล้วค่ะ)


ผลลัพธ์ที่ได้  เกินกว่าที่คาดหวังค่ะ ความตื่นเต้นก็เกินกว่าที่คาดหวัง เปรมมากกับผลที่ได้ หลังทำเราจะได้ยา3 อย่างค่ะ 102-1.gif(แก้อักเสบ แก้ปวด แก้บวม) หลังทำสัก 2-3 วันเราต้องดูแลบริเวณที่เข็มจิ้มเป็นพิเศษนะคะ หากล้างหน้าต้องรีบซับบริเวณรอยเข็ม เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อหรืออักเสบค่ะส่วนอาหาร เม้าทานปกติค่ะ นอกจากแอลกอฮอล์ น่าจะต้องเลี่ยงสัก 4-5 วัน ถ้าดีก็1 สัปดาห์เลยค่ะ อาการปวดไม่มีแล้วนะคะ หลังจากตื่นมาอีกวัน แต่จะ ตึงๆ นิดหน่อย จะรู้สึกแปลกสักพัก หลังจากนั้นจะไม่รู้สึกอะไร ค่ะไม่ต้องห่วง เหมือนปกติเลย ของเม้าไม่มีอาการช้ำหรือบวมนะคะ** แต่ละเคสไม่เหมือนกันค่ะ บางคนช้ำง่ายอาจจะมีรอยช้ำที่เข็มจิ้มเล็กน้อยค่ะ แต่โดยส่วนมากจะไม่มีค่ะ , แล้วที่อยากจะบอกเพิ่มเติมคือที่หัวจากการฉีดยาชาเข้าไปจะตึงๆแปลกๆไปประมาน 2-3 วันนะคะแล้วแต่คน แต่เม้าซ์จะรูัสึกแปลกๆไป 3-4 วันนะคะถ้าจำไม่ผิดแต่ไม่ปวดค่ะ 




  มาดูสิ่งที่เพื่อนๆอาจจะกังวลหลังทำค่ะ  


จะแข็งไหม ?  ฟิลตัวนี้เป็นฟิลที่ใช้ฉีดตรงนี้เฉพาะและเป็นยี่ห้อสากลค่ะไม่แข็งแน่นอนไม่ต้องห่วงและจะนิ่มธรรมชาติมากค่ะ 

เมื่อเริ่มสลายจะทำให้หน้าผากเป็นคลื่นไหม ?  อาการนี้จะพบได้หากใช้ฟิลเลอร์ที่่เกรดต่ำหรือไม่ได้คุณภาพค่ะ สามารถเป็นคลื่นได้ แต่สำหรับยี่ห้อฟิลที่เม้าซ์ใช้นี้ ไม่มีคลื่นแน่นอนค่ะเมื่อมันเริ่มสลาย นิสัยของเพอเฟคต้ามันจะสลายของมันไปเรื่อยๆ ยุบลงเรื่อยๆไม่เป็นคลื่นค่ะ 

สรุป โปรแกรมนี้ การฉีดฟิลหน้าผากของเม้าน่าจะตอบโจทย์ของหลายๆคนที่มีปัญหาได้เอามาแชร์ละน้าคะและอยากบอกว่า "มันไม่ธรรมดาเลย" ต้องทำกับหมอเชี่ยวชาญมากๆ เพราะที่เราเห็นข่าวว่า ตาบอด ไหลเข้าตานั่นเพราะเกิดจากไม่ใช่ฟิลเลอร์สำหรับบริเวณนี้ และเพราะหมอไม่ชำนาญค่ะเม้าถึงเข้าใจว่าทำไมต้องทำกับหมอจักษุโดยเฉพาะถึงจะดี เพราะบริเวณหน้าผากความเสี่ยงเยอะมากต้องใช้แพทย์ที่ชำนาญเรื่องอนาโตมีเรื่องรอบดวงตาอย่างดีรวมถึงบางคนที่ไปฉีดมาแต่เป็นก้อนๆ แข็งๆไม่ธรรมชาติก็มีเยอะค่ะจะแก้ไขทีก็ลำบากเสียเงินเยอะในเมื่อเราอยากจะดูดีขึ้นเราต้องศึกษาให้รู้แจ้งและตัดสินใจให้ดีก่อนทำค่ะ



 119-1.gif Surgery Consult  Line @arindada.k (มี@นะคะ)
ᵀᴱᴸ  0946012494 (รบกวนโทรก่อน1ทุ่มนะคะ)


ความคิดเห็น

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. อยากสอบถามข้อมูลสามารถติดต่อได้ทางไหนคะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Review ประสบการณ์ทำตากับบียอน(เทคนิคเย็บจุดเดียว)

TOPIC นี้เม้าซ์เอารูปปัจจุบันที่เห็นตาชัดๆ ให้ดูก่อนนะคะ     วันนี้เอาใจสาวๆที่เชียร์ให้เขียน Topic นี้กันค่ะ หลังจากที่ทำไปแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ ส่วนมากก็ Review ลงแค่ใน IG แต่ก็ไม่สามารถสาธยายได้ยาวเหยียดเท่าในนี้นัก งั้นวันนี้ลองมาอ่านแบบละเอียดกันดูค่ะ หรือใครที่ search จาก Google ก็สามารถเข้าไป ดู Review อีกแนวได้ทาง IG เม้านะคะ Search : @arindada.k / @reviewdada ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ก่อนอื่นเม้าต้องขอพูดถึงลักษณะตามเม้าซ์ก่อนนะคะ พร้อมภาพประกอบ  ตามที่เคยบอกบ่อยๆ ว่าเม้าไม่เคยศัลยกรรมอะไรมาก่อนนอกจาก "จมูก" จริงๆ และตาเป็นอวัยวะที่เพื่อนๆถามถึงบ่อยมาก ว่าทำที่ไหน และเม้าก็ตอบตามความจริงว่า ไม่เคยทำ ซึ่งคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เม้าก็ไม่สามารถที่จะไปขอร้องให้ทุกคนเชื่อได้ทั้งหมด เพราะปกติเม้าไม่ใช่คนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมและถึงแม้ว่าจะเป็นคนให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเม้าทำอะไรเม้าสามารถบอกได้ทุกอย่างค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ กับประสบการณ์ "ทำตา" และเม้าเต็มใจที่จะแชร์ให

Reviewตัดเหงือกกับ Dental me เชียงใหม่ (Gummy Smile)

Topic นี้เม้าซ์ขอแหวกแนวบ้างนะคะ จากที่จะพูดเรื่องศัลยกรรมขอมาที่เรื่อง "ฟัน" บ้างนะคะ  เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เม้าซ์อยากจะทำมานานมากแล้ว และเป็นเหมือนปมด้อยที่ถูกล้อบ่อยๆ นั่นคือเรื่องของ  "ยิ้มเห็นเหงือก"  ค่ะ หรือเรียกแบบเก๋ๆว่า  Gummy Smile  ฟังดูน่ารัก เนาะ ฮ่าๆ  มาขยายความเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ก่อนจะไปตามอ่านรีวิวกัน  Gummy Smile   คือการที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากกว่าปกติค่ะ ที่ฟันบน แน่นอนว่าใครที่มีปัญหานี้คงขาดความมั่นใจ เพราะมันดูไม่สวย ยิ่งเม้าซ์นี่ทำงานด้านนี้ ยิ้มเห็นเหงือกไม่พอ แต่ฟันเล็ก สั้นด้วยค่ะ ปากก็เล็ก ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนฟันหนู บางคนก็บอกน่ารักดี แต่ตัวเหงือกนี่แหละค่ะตัวปัญหา เลยกลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น พอถ่ายรูปทีตากล้องต้องขอให้ยิ้มเห็นฟันตลอด ก็รู้สึกทำได้ไม่ดี แล้วเวลาเผลอหัวเราะ คุยเรื่องสนุกกับเพื่อน ยิ้มทีเหงือกมาเต็มค่ะ ยิ่งเวลาเจอเก็บภาพช่วงเผลอ ตอนหัวเราะ ตอนยิ้มเห็นเหงือกแบบที่ว่า ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่  แฟนก็ล้อตลอด แล้วเป็นคนฟันสั้น ปากเล็กด้วยค่ะ ถ้ายิ้มธรรมดากฌจะไม่เห็นเท่าไหร่ ต้องตอนเผลอ   เลยกลาย

แค่เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดก็เข้าใกล้หน้าใส

ก่อนที่จะอ่าน Topic นี้เม้าขอเพื่อนๆอย่างนึงว่า  "ขอให้อ่านจนจบค่ะ แล้วสงสัยตรงไหนค่อยถามหลังอ่านจบแล้วนะคะ" เหตุผลที่เม้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะ แชร์ประสบการณ์การดูแลผิวสำหรับเพื่อนๆที่อยากหน้าใส ได้รู้วิธีที่ถูกต้อง และเป็น Topic ที่อยากจะให้ทุกๆคนได้อ่าน เพื่อเข้าใจอะไรที่ถูกต้อง และเพื่อแบ่งเบาตัวเองด้วย เนื่องจากเรื่องผิวค่อนข้างละเอียดอ่อน เม้าไม่สามารถที่จะนั่งตอบคำถาม และอธิบายให้ทุกคนที่เข้ามาปรึกษาได้อย่างยาวเหยียดว่า เราต้องทำยังไงกับผิวหน้าตัวเองบ้าง เพราะเรื่องผิวละเอียดมากๆค่ะ และการจะให้คำปรึกษาแต่ละเคส ใช้เวลานานมากเช่นกันค่ะ "หากอยากจะหน้าใส ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่รู้วิธี เพื่อนๆเองก็ต้องเริ่มจากอ่านค่ะ อ่านมันให้จบ และหลังจากนั้น ค่อยถามในสิ่งที่เม้าไม่ได้เขียนไว้ใน Blog นี้  ได้ตามสบายค่ะ เพื่อแบ่งเบาให้เม้าและเพื่อตัวเพื่อนๆเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดน้า จะได้ดีกับทั้งคนให้คำปรึกษาและเพื่อนๆเองนะคะ"  สิ่งที่เม้าจะเขียนนี้ คือ “การดูแลผิวหน้าตามแบบเม้าซ์ ” นั่นเพราะว่ามีวิธีดูแลผิวอีก 108 พันอย่าง