ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Reviewตัดเหงือกกับ Dental me เชียงใหม่ (Gummy Smile)

Topic นี้เม้าซ์ขอแหวกแนวบ้างนะคะ จากที่จะพูดเรื่องศัลยกรรมขอมาที่เรื่อง "ฟัน" บ้างนะคะ 
เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เม้าซ์อยากจะทำมานานมากแล้ว และเป็นเหมือนปมด้อยที่ถูกล้อบ่อยๆนั่นคือเรื่องของ "ยิ้มเห็นเหงือก" ค่ะ หรือเรียกแบบเก๋ๆว่า Gummy Smile 
ฟังดูน่ารัก เนาะ ฮ่าๆ มาขยายความเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ก่อนจะไปตามอ่านรีวิวกัน 




Gummy Smile 

คือการที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากกว่าปกติค่ะ ที่ฟันบน แน่นอนว่าใครที่มีปัญหานี้คงขาดความมั่นใจเพราะมันดูไม่สวย ยิ่งเม้าซ์นี่ทำงานด้านนี้ ยิ้มเห็นเหงือกไม่พอ แต่ฟันเล็ก สั้นด้วยค่ะ ปากก็เล็กยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนฟันหนู บางคนก็บอกน่ารักดี แต่ตัวเหงือกนี่แหละค่ะตัวปัญหาเลยกลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น พอถ่ายรูปทีตากล้องต้องขอให้ยิ้มเห็นฟันตลอด ก็รู้สึกทำได้ไม่ดีแล้วเวลาเผลอหัวเราะ คุยเรื่องสนุกกับเพื่อน ยิ้มทีเหงือกมาเต็มค่ะ ยิ่งเวลาเจอเก็บภาพช่วงเผลอตอนหัวเราะ ตอนยิ้มเห็นเหงือกแบบที่ว่า ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่ 
แฟนก็ล้อตลอด แล้วเป็นคนฟันสั้น ปากเล็กด้วยค่ะ ถ้ายิ้มธรรมดากฌจะไม่เห็นเท่าไหร่ ต้องตอนเผลอ เลยกลายเป็นคนที่เวลายิ้มต้องเกร็งปากเพื่อไม่ให้เห็นเหงือกเยอะค่ะ 
ซึ่งเดี๋ยวเม้าซ์จะพูดแบบวิชาการนิดนึงว่า สาเหตุที่ทำให้คนเรายิ้มเห็นเหงือกเพราะอะไร และวิธีแก้ไขที่มีหลายวิธีนะคะ เม้าซ์จะพูดถึงคลินิกที่เม้าซ์เลือกให้ดูแลเคสเม้าซ์แชร์เพื่อนๆก่อนค่ะ 
เผื่อเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆที่มีปัญหาเดียวกันนี้ 



ใช้รูปจาก Website ประกอบนะคะ 



ในส่วนของคลินิกที่เม้าซ์เลือกนั้น อยู่เชียงใหม่นะคะ ถ้าใครไม่ได้อยู่เชียงใหม่ ก็อาจจะใช้ข้อมูลนี้ เป็นประโยชน์ได้นะคะ แต่ละคลินิกการดูแล วิธีการก็คงใกล้เคียงกันค่ะ อาจจะต่างกันตรงรายละเอียดอื่นๆนิดๆหน่อยๆ เช่นการบริการ เป็นต้นนะคะ





Dental me  คือคลินิกที่เม้าซ์เลือกให้ดูแลเม้าซ์ในเรื่องของฟันค่ะ โดยปกติบอกก่อนนะคะ
ว่าเม้าซ์แทบไม่เข้าคลินิกทำฟัน เพราะโชคดีว่าไม่เคยเป็นโรคเกี่ยวกับช่องปากเลย 
เพราะส่วนตัวไม่ชอบมากๆเรื่องทำฟัน รู้สึกหลายๆคนที่ฟันผุ ผ่าฟันคุด ทรมานกันทั้งนั้น 
เม้าซ์เคยเข้าก็แค่ "ขูดหินปูน" กับ "อุบัติเหตุตกเตียง 2 ชั้น"  ตอนเล็กๆ เพียงแค่นี้ค่ะ ฮ่าๆ 
คือตอนเด็กเม้าซ์เกิดอุบัติเหตุตกเตียง 2 ชั้นลงมาที่พื้น ตอนนั้นนอกจากจะฟันหน้าหัก  2 ซี่ ก็ยังต้องเข้าเฝือกแขนหลายเดือนค่ะ เลยต้องทำการถอนฟันช่วงนึง โชคดีที่ยังเป็นฟันน้ำนม แต่รู้แค่ว่า ความรู้สึกกับหมอฟันช่วงนั้น แย่มากๆค่ะ ทรมานตั้งแต่ฉีดยาชา ไหนจะทนปวดอีกหลายวันตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เข้าคลินิกทำฟันอีกเลย ใครที่ชอบถามว่าเม้าซ์เคยดัดฟันไหม?  เม้าซ์ไม่เคยน้าคะฟันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก โชคดีหน่อยหลายคนบอก ฟันแข็งแรง เรียงสวย ว่ากันไปตามท้องเรื่องแต่เรื่องยิ้มเห็นเหงือกนี่ ปัญหาใหญ่จริงๆค่ะ  ซึ่ง ที่นี่ก่อนเม้าซ์จะได้เข้ามาตัดเหงือกนั้น เม้าซ์เคยเข้ามาใช้บริการครั้งนึงค่ะ คือซื้อชุดฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้าน สาขาพระสิงห์ ประทับใจในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้มาบ่อยเท่าไหร่ แล้วฟันก็ขาวขึ้นจริงๆค่ะ ราคาไม่แพงด้วย เลยไม่ต้องตัดสินนานที่จะมาทำที่นี่




สำหรับ Dental me  ในเรื่องของการให้บริการที่นี่ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ เห็นภาพชัดๆ คือ เค้าจะวัยรุ่นหน่อยค่ะ ไม่ได้เข้าไปแล้วนั่งเซ็งกะตาย เจอหมอแก่ๆ พูดไม่ค่อยรู้เรื่องสื่อสารเข้าใจยาก 
แบบไม่เข้าใจวัยรุ่น  555+ คือที่นี่หมอแบบทันสมัยมากกกก แบบคุยภาษาวัยรุ่นและบอกสิ่งที่เราต้องการได้สบายค่ะ และมีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาที่พร้อมจะให้บริการลูกค้า รวมถึงการบริการที่หากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ทันตกรรมทั่วไป การรักษารากฟัน ฟอกสีฟัน รากเทียม ทันตกรรมเพื่อความสวยงาม การดูแลสุขภาพในช่องปากอื่นๆ และที่นี่มีสาวๆสวยๆ หนุ่มหล่อ วัยรุ่น วัยเฟรชชี่ มาจัดฟันกันเยอะมากกกค่ะ ในส่วนของการให้บริการ ความสะอาด เค้าเป็นมาตรฐานสากลค่ะ อุปกรณ์ทันสมัย ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เม้าซ์จะตัดสินใจเลือกใช้บริการที่นี่ค่ะ





 
มาดูในส่วนของการเตรียมพร้อมนะคะ 
วันแรกนั้นคุณหมอจะนัดเจอค่ะเพื่อวิเคราะห์เคส ซึ่งเม้าซ์เข้าไปที่สาขา พระสิงห์ (ถ้านึกไม่ออกจะอยู่ใกล้ๆกับที่กวดวิชา ดาว๊องอ่ะค่ะ ซอยที่ทะลุระหว่างหน้าอำเภอไปเจอสถานีตำรวจ) 
เจอกับ หมอโต้ก่อน หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปให้หมอชัยค่ะ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเหงือกโดยตรง
ตอนแรกนั้นเม้าซ์บอกก่อนนะคะ ว่าเม้าตั้งใจจะทำ วีเนียร์ เพราะคิดว่าคงแก้ปัญหาที่ฟันสั้นของตัวเองได้  แต่หมอชัยให้คำปรึกษาว่า จากที่ดูฟันเม้าซ์แล้วไม่จำเป็นถึงกับต้องทำวีเนียร์ค่ะ เพราะวีเนียร์ที่เราเห็นดาราทำกันเยอะๆนั้น เหมาะสำหรับเคสที่หน้าฟันลาย ไม่สวย หรือฟันมีปัญหาจริงๆไม่ก็สำหรับคนที่ทำงานลักษณะที่ต้องถ่ายรูปใกล้ๆ ออกทีวี เราไม่ขั้นน้าน เลยไม่ต้องทำจะดีกว่า และลักษณะฟันเม้าซ์ยังดีอยู่ มีปัญหาแค่ฟันสั้น ยิ้มเห็นเหงือกชัด ซึ่งมีปัญหาอื่นเพิ่มเติมคือ เหมือนกระดูกบนเหงือกบนโผล่ด้วยค่ะต้องทำการเหลา ซึ่งหมอชัยก็เอารูปเคสอื่นๆประกอบให้ดู บอกตรงๆค่ะ "ขนลุกมากกก" 
ถ้าไม่ให้ดูคงทำใจง่ายกว่านี้ ฮ่าๆ แต่หมอชัยแนะนำและอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดเลยค่ะว่าฟันเม้าซ์จะสามารถตัดออกได้กี่ซี่ จะตัดออกได้มากน้อยแค่ไหน ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้ว เราก็ต้องนัดวันเพื่อลงคิวค่ะ ตอนนั้นเม้าซ์บอกตรงๆว่ากลับไปทำใจอยู่หลายวันค่ะ 5555+



ถึงวันนัด - แล้วก็ถึงเวลาแห่งความตื่นเต้นอีกครั้งค่ะ ถ้าให้เทียบระหว่าง ตอนเสริมจมูก ตอนทำตา กับตอนนี้ ถามว่าช่วงเวลาไหนตื่นเต้นที่สุด น่าจะเป็น ตอนทำตาค่ะ ความรู้สึกตอนนี้จะเฉยๆ นิ่งๆเลย 
แปรงฟันก่อนเรียบร้อย แต่งเนื้อแต่งตัวพร้อม ก่อนไปบอกแฟนว่า พาไปกินของอร่อยก่อนได้ไหม 
เค้าก็ตามใจค่ะ ซึ่งสิ่งที่เม้าซ์เลือกกินคือ "ส้มตำปูปลาร้า"  55555555555555555555 
จริงๆมันไม่ควรไหม ?​ แบบว่ากินขนาดนี้แล้วต้องไปนอนอ้าปากให้หมอฟัน ฮาๆๆ  แต่ไม่เป็นไร 
เม้าซ์ไม่ถือละกันค่ะ คือมันอยากมาก จัดว่าเป็นของโปรด ปลาร้าข้นๆ หือ กลัวว่าทำแล้วจะกินไม่ได้อีกนาน แล้วที่พิมพ์อยู่นี่คือตี2 แทบจะกลืนน้ำลายตัวเอง  เลยจัดหนักเลยค่ะ ที่ส้มตำอุดร (แทรกโฆษณา ฮ่าๆ) พอดีว่าทางผ่าน เพราะสาขาที่นัดใกล้ๆคือ "สาขาหน้ารร.ดารา"
เวลาที่เม้าซ์นัดคือ 5โมงเย็นนะคะ จะเยื้องๆกับรร.ดาราเลย ติดถนน ใครที่ไปอาจจะต้องหาที่จอดตามข้างถนนนะคะ แต่ไม่ได้หายากมากค่ะที่จอดเยอะอยู่ ทั้งที่ช่วงเวลาที่เม้าซ์ไปรถน่าจะติด น่าจะหายากหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ หรือโชคดีก็ไม่รู้ ยังไงก็ลองเผื่อเวลาไปหาที่จอดกันด้วยนะคะ ของเม้าซ์สบายไม่ต้องหา พอดีแฟนไปส่งค่ะ เอาเราปล่อยทิ้งไว้แล้วเค้าก็กลับก่อน เม้าก็เดินตัวปลิวเข้าไปสบายๆค่ะ ตัดกังวลเรื่องหาที่จอด


Dental me สาขาหน้าดารา


แล้วก็เปิดประตูเข้าไป PR ด้านหน้าที่คอยบริการลูกค้า ก็เงยหน้ามาสบตา ไม่ซิจริงๆ สบตากับลูกค้าที่นั่งอยู่แถวนั้น คือเข้าไปเจอเคาร์เตอร์และด้านซ้ายเคาร์เตอร์เป็นที่นั่งรอค่ะ ลูกค้าก็หันมามอง เหมือนเป็นสัญชาตญานที่เป็นเราก็คงทำ แล้ว PR ด้านหน้าก็เงยหน้ามายิ้มก่อนค่ะ เราก็เลยรีบแนะนำตัว "เม้าซ์ค่ะที่หมอโต้นัดไว้" พี่เค้ารีบถึงบางอ้อค่ะ ค่อยยังชั่ว ฮ่าๆ แล้วทักทายกันตามประสาคนเพิ่งเจอกันครั้งแรก สรุปได้ว่าพี่เค้าชื่อ "พี่ใหม่" ค่ะเทคแคร์ดีมาก กันเอง คุยสนุก น่ารักมากๆค่ะ เราเลยค่อยยังชั่ว เม้าว่ามันจำเป็นมากๆนะคะ ของสถานที่ต่างๆ ไม่ใช่แค่คลินิกเพราะถ้าเกิดเข้ามาแล้วเจอแบบหน้างอเป็นปลาทู หรือไม่ก็พนักงานที่ชอบแล จับกลุ่มนินทาลูกค้า ซุบซิบก็ไม่โอเค แบบนี้นี่เม้าลดความเกร็งไปเยอะเลยค่ะ ตอนนี้ก็เหลือแต่นั่งคอยคิวหมอค่ะ ไม่นานมาก ... "น้องเม้าซ์เชิญขึ้นไปชั้น 2 ห้องแรกเลยค่ะ"
ตึ ง  ง  ง  -! คือเอาไงดี?​ กดน้ำข้างล่างกินก่อนค่ะ กลั้วปากนิดหน่อย พอบรรเทากลิ่นส้มตำซะหน่อย ฮ่าๆ
และก็เริ่มตื่นเต้นนิดๆค่ะ ไม่รอช้า รีบเดินขึ้นไป เจอบันไดเหมือนแฟนซี ถ้าจำไม่ผิดจะเจอสีเขียวก่อนนะคะ Modern มากๆ ก็เดินไป สังเกตไปค่ะ ขึ้นไปเจอเหมือนชั้นลอย จัดไว้ให้เป็นที่นั่งรอของญาติที่มาส่งประมาณนั้นมั้งคะ น่านั่งมากเลย นี่ถ้าไม่เกรงไจกลัวหมอชัยรอ จะแวะนั่งเล่นสักหน่อย  ฮ่าๆ
ก็เดินขึ้นไปอีกชั้นค่ะ คราวนี้เป็นอีกสีค่ะ แฟนซีมาก นึกว่าอยู่ในเนอสเซอรี่เด็กที่แบบมีสีสันหลอกล่อเด็ก ฮ่าๆ แล้วก็ถึงค่ะ เดินเข้าห้องแรกและ ... ก็ตะลึงอีกรอบ !!! คือ ไม่เคยเห็นห้องทำฟัน เกร๋ขาดนี้ !!!
คือแบบว่า ... มันมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง มันเลดี้ มันหวาน มันใส มันซอฟ มันใช่ มันดีอะแกรร  5555555
คือเลดี้ม๊ากมาก มันชวนนอนมากเลย ไม่เหมือนห้องทำฟัน คือลืมตื่นเต้นมัวแต่เอ่ยชมห้อง
ใครหนอที่ออกแบบห้องนี้เพื่อหลอกล่อชะนีหวานใสอย่างเรา 55555555 เห้ยมันโอเค มันได้ผลค่ะ ฮ่าๆ






 มาเข้าเรื่องค่ะ ดูจะสนุกเกินไปกับห้องทำฟันสีชมพูหวาน สรุปว่ามันเหมาะกับชะนีใสๆ แบบเราค่ะ ฮ่า ๆ แล้วก็พูดคุยกับหมอชัยอีกครั้งค่ะ คราวนี้ได้ทำความรู้จักหมอชัยมากขึ้นอีกนิด และสิ่งที่รับรู้ได้เพิ่มเติม จากที่ไม่เห็นในวันแรกที่เจอคือ "หมอชัยน่ารักมากๆ ค่ะกันเองมากก ตลกและขี้เล่นมากค่ะ"
วันนี้ผู้ช่วยหมอที่มาคอยดูแลเม้าซ์ คือ "พี่ใหม่ค่ะ คนที่เจอกันข้างล่าง ดีใจเลยค่ะ"
หมอก็ประเมินเคสเม้าอีกครั้ง ซึ่งของเม้าซ์หมอก็จะบอกค่ะว่าเอาออกได้ประมาณกี่มิล
ของเม้าซ์หมอชัยบอกจะออกได้น้อยมากค่ะเพราะฟันสั้นมากๆ  แล้วเหงือกก็สั้น และต้องเหลากระดูกเนื่องจากมีกระดูกโผล่ตรงเหงือกหน้าด้านบนค่ะ (กลัวตรงนี้แหละค่ะ บอกตรงๆตัดเหงือกเม้าเฉยๆนะคะ แต่ตรงเหลากระดูกนี่แหละค่ะ ไม่ค่อยโอเค ไม่เต็มใจจะทำเลยกลัวมาก)  แต่ก็ต้องทำค่ะ แล้วก็ขึ้นเตียง เตรียมรับชะตากรรมในครั้งนี้



ตอนนี้ที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือ​ "การฉีดยาชา"​ ค่ะเพราะจำความได้ตอนที่เคยฉีด มันปวด ทรมานมากๆ 
แล้วมันก็เกิดขึ้น (อีกครั้ง) .. ใครไม่อยากอ่านเยอะๆ ตรงนี้ข้ามไปตรง  สรุป  ได้เลยนะคะ


แล้วผ้าปลอดเชื้อก็มาครอบอยู่บนหน้าเม้าซ์ มือเริ่มมาประสานกันอีกครั้ง 
เพื่อเป็นการให้กำลังใจตัวเอง



 (  。・ˇ_ˇ・。 )

ตื่นเต้นที่สุดก็ตอนนี้แหละค่ะ นอนตาปริบๆ


เริ่มฉีดยาชา 


(. __.  ) 

นี่คงเปนหน้าที่แทนความรู้สึกเม้าซ์ตอนนั้นได้ค่ะ 

"ทำ ไ ม ไ ม่ เ จ็ บ เ ห มื อ น ทุ ก ที " 


ฉีดไปหลายเข็มเลยค่ะ เริ่มชาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ปวดอะไรมาก 
ตรงนี้ตอนเพื่อนๆทำอาจจะไม่รู้สึกแบบเม้าเป็นนะคะ อยู่ที่ความอดทนแต่ละคน 
แต่เม้าเฉยๆเลยค่ะ เลยเริ่มโล่งใจมาอีกนิด 

แล้วหมอก็บอกว่าจะเริ่มตัดเหงือกแล้ว ซึ่งอาจจะมีกลิ่น(กลิ่นไหม้)หน่อย เพราะใช้เลเซอร์ด้วย
อะไรทำนองนี้แหละค่ะที่จับใจความได้ ก็ว่ากันไปเป็นเทคนิคของหมอเค้าไป 
หมอจะคอยถามว่า "เจ็บไหม?" เม้าก็ตอบตามจริงค่ะว่า ไม่เจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย 

"เดี๋ยวต้องเหลากระดูกหน่อยนะ"  

(⊙◞౪◟⊙)

ไม่นะ ประโยคนี้มาแล้ว ไม่อยากได้ยิน


หมอบอกเหตุผลว่า ถ้าเกิดของเม้าซ์ไม่เหลา อนาคตมันก็จะเป็นอีกประมาณนี้ค่ะ 
ก็เลยต้องทำทำ สองข้าง ถามว่ามันเป็นยังไง หมอจะเอาอะไรไม่รู้เหมือนเข้าไปงัด 
แล้วก็เหลา มีเครื่องที่ความรู้สึกเหมือนตอนขูดหินปูนอะค่ะ มาเหลากระดูกเรา 

เจ็บไหม?​ เฉยๆนะคะ แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ได้ทำ 

ผ่านไปราวๆ 1 ชม . ได้

    

เป็นอันเสร็จค่ะ เมื่อได้บ้วนปากไป ครั้งที่ 2




โล่ง !





มือนี่บิดไปบิดมา บีบมือตัวเองตลอดค่ะ เกร็ง แต่ไม่ได้ปวดอะไร มีแต่ความเกร็ง

แล้วก็เสร็จจริงๆค่ะ บ้วนปากครั้งที่ 2 และ เสร็จ !


 ปิดท้ายที่หมอให้ดูกระจกค่ะ จะปกติเลย แต่จะเพิ่มมาคือไหมสีดำ ที่เย็บไว้ที่เหงือกค่ะ
แล้วหมอก็ให้อมผ้าก๊อทเพื่อห้ามเลือดก่อนแล้วลงไปค่ะ

หลังจากนั้นคลินิกจะแนะนำเรื่องการดูแลหลังทำ และให้ยาค่ะ

แล้วเราก็กลับบ้านได้





สรุปตามนี้นะคะ 

ใช้เวลาในการทำนานแค่ไหน ?​
 ถ้าแค่ตัดเหงือกน่าจะรวม ๆ 1 ชม. ค่ะแต่ของเม้าซ์มีเหลากระดูกด้วยก็จะนานขึ้นนิดหน่อยค่ะ 


ตอนทำเจ็บไหม ?​
 เคยมีคนบอกว่าทำฟันต้องเจ็บ เม้าเองก็เข้าใจมาแบบนั้นตลอดค่ะ แต่มาตัดเหงือกวันนี้บอกตรงๆว่ามันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดเลยค่ะ อาจจะรู้สึกปวดนิดๆตอนฉีดยาชา แต่ส่วนตัวเม้าไม่เจ็บอะไรนะคะแต่จะรู้สึกแปลกๆ ระหว่างทำค่ะ มันไม่ปวด ไม่เจ็บ แต่ก็ไม่สนุกเท่าไหร่ค่ะอยากให้เสร็จไวๆ 

หลังทำเจ็บไหม ?
 ก่อนเม้าทำเม้าเตรียมใจไว้มากค่ะ เพราะหมอบอกว่า เดี๋ยวยาชาหมดฤทธิ์จะเจ็บ ปวด แสบเหมือนร้อนใน แล้วเหลากระดูกด้วย คือเตรียมใจไว้มาก ตอนทำเสร็จขอคลินิกกินยาแก้ปวดอัดไว้ค่ะ แล้วจะปวดไป 2-3 วัน และยังบอกด้วยค่ะว่าจะกินอะไรไม่ค่อยได้ 2-3 วันให้กินอ่อนๆอย่ากินรสจัด ซึ่งมันก็พอจะเดาได้เน้อะ เพราะตัดเหงือกถ้าเกิดกินอะไรร้อนๆ หรือรสจัด ต้องมีแสบแน่ๆ แต่ เชื่อจากที่เม้าซ์ทำเชื่อไหมคะว่า เม้าไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อยยยยย ไม่เจ็บสักนิด ไม่ว่าจะตอนไหน ยาที่คลินิกให้ ไม่ได้ทานเลยค่ะ ทั้งแก้ปวดและแก้อักเสบ 555555 ชิวทุกงาน ตอนทำจมุก ทำตาก็ไม่เคยกินยาค่ะ และพอเม้ากลับบ้านมา คืนนั้นเม้าเตรียมใจไว้แล้วค่ะว่า เช้ามาต้องปวดแน่ๆ ปรากฎว่า ลืมตามาตอนเช้ารีบ ขยับปากก็ไม่เจ็บค่ะ คือสะใจมาก กับการไม่เจ็บ วันที่ 2ที่หมอบอกว่า จะกินอะไรไม่ค่อยได้ เม้าก็ซัดของเผ็ดเลยค่ะ 555555555555 กินกะเพราไก่ เคี้ยวปกติมากกก คือแฟนงง ว่าคืออะไร?​ทำไมไม่มีช่วงเวลาเจ็บปวดให้เห็น เพราะเค้าเคยผ่าฟันคุดและดูทรมานมากกกก เค้าเลยอยากให้เม้ามีโมเม้นท์นั้นมั่ง เพราะเม้าหัวเราะเค้าไว้เยอะ ปรากฎว่าเม้าไม่มีค่ะ ไม่กินยา ไม่เจ็บ ไม่ปวด และกินได้ทุกอย่าง น้า สบายใจกันได้ค่ะเพื่อนๆ แต่เดี๋ยวเม้าขอแนะนำอีกทีนะคะ เพราะไม่อยากให้เอาตามอย่างเม้า เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวมาโทษเม้ากันไม่เอาน้า 555555 

ค่าใช้จ่าย ?  
 ** ราคาเริ่มต้นที่ 3,000-10,000 -. ค่ะ ถือว่าไม่แพงเลย แต่ละเคสต้องเข้าไปพบหมอก่อนเพื่อให้หมอประเมินค่าใช้จ่ายดูค่ะ 


การดูแลหลังทำ ? 
 จริงๆไม่มีอะไรยากเลยนะคะ เค้าจะแค่มีการงดอาหารเผ็ด รสจัด ในช่วง 4-5 วันแรก 
ไม่แปรงฟันแรงบริเวณเหงือกที่ตัดค่ะ ก็เว้นไว้ , งดใช้น้ำยาบ้วนปากและไหมขัดฟันจนกว่าจะตัดไหมหรือตามคำแนะนำแพทย์ เพราะการฟื้นฟูของร่างกายแต่ละคนต่างกันค่ะ แต่ช่วงแรกพักไว้เลย , พบแพทย์ตามที่นัด , ทานยา มีแค่นี้เลยค่ะ ส่วนตัวตอนเม้าซ์ทำอย่างที่บอกไม่มีอะไรยุ่งยากเลย จริงๆค่ะ แต่ที่เม้าซ์แอบหงุดหงิดนอยๆก็เพราะไหมที่ใช้ค่ะ หมอบอกว่าไหมอาจจะบาดปากได้ ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงค่ะ แล้วเม้าเป็นคนที่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้พูด ต้องได้พูด ไหมเลยบาดเหงือก จนเป็นแผลค่ะ นอยมาก จริงๆคุณหมอบอกว่าสามารถไปแปะที่กันได้ที่คลินิก เพื่อนๆคนไหนไปทำลองถามหมอดูนะคะเพราะเม้าไม่ได้เข้าไปทำค่ะ ต้องทนเจ็บให้ไหมบาด TT 







 สรุปการตัดเหงือกที่ Dental me  เชียงใหม่ครั้งนี้นะคะ 


อันนี้เป็นรูปประกอบที่เม้าซ์ให้ดูนะคะ รุปก่อนทำปกติเม้าจะเป็นคนยิ้มแบบนี้ค่ะ คือที่เห็นขอบริมฝีปากนั้น คือเป็นคนมีฟันแค่นั้นค่ะ 5555 ยิ้มขึ้นอีกคือเห็นเหงือกแล้ว ถ้ายิ้มขึ้นอีกจะต้องเกร็งปากค่ะเหมือนจะไม่น่าเกลียด แต่ตอนหัวเราะเผลอๆทีมาเต็มค่ะ ฟันสั้นมากกกกกก  หมอก็แจ้งนะคะ ว่าจะเพิ่มความยาวฟันได้ราวๆ 2-3 มิลแล้วแต่ซี่ซึ่งหลังทำออกมาเลยได้ดังรูปค่ะ ยังเห็นไหมอยู่ มีเลือดยิ้มนิดๆ หน้าฟันยาวขึ้นชัดเจนค่ะ ผ่านไป 2 สัปดาห์ฟันที่ได้ ธรรมชาติมากก ให้เพื่อนดูไม่มีใครดูออกเลยว่าตัดเหงือกมา  คือเหงือกและฟันจะธรรมชาติมากค่ะ ตัวช่วงฟันยาวขึ้นเห็นชัดด้วยตัวเอง เวลายิ้มจากที่น่าเกลียดจะดีขึ้นมากๆ ไม่มีความรู้สึกผิดปกติใดๆกับเหงือกค่ะ แปรงฟัน ใช้ไหมขัดได้ได้ปกติค่ะ ใครที่กังวลว่า ตัดมาแล้วจะไม่ธรรมชาติ เหงือกจะไม่แข็งแรง ไม่เกี่ยวเลยนะคะ เม้าทำมาไม่เกิดอะไรผิดปกติเลยค่ะ แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราไปตัดเหงือกมา ตอนนี้เวลายิ้มก็มั่นใจขึ้นมาก คือไม่ต้องกลัวว่าใครจะตกใจเหงือกเรา หน้าฟันยาวขึ้น เรียงสวย ดีใจมากๆค่ะ คุ้มค่า 


รูปนี้ใช้ที่งัดปากช่วยค่ะ ให้เพื่อนๆเห็นกันชัดๆ เพราะเม้าซ์เป็นคนปากเล็กมากๆ การจะยิ้มให้ฉีกกว้างให้เห็นชัดจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากนิดนึงค่ะ สังเกตรูปบน ก่อนทำ ช่วงฟันเห็นชัดว่าสั้นมากค่ะ แล้วลุกศรที่ชี้นัน้จะเห็นว่ากระดูกฟันโผล่ ต้องทำการเหลาค่ะ ไม่งั้นมันจะมีปัญหาอีกในอนาคต แล้วเวลามองด้วยตาเปล่าด้วยตัวเองมันเหมือนจะทะลุมาเลย TT ส่วนรูปล่างเป็นรูปที่หมอถ่ายให้ทันทีหลังทำค่ะ ไหมเต็มปากจะมีอาการช้ำอยู่นิดหน่อยค่ะ 



อย่างที่บอกว่า ยิ้มเห็นเหงือกเป็นปัญหาที่เม้าขาดความมั่นใจไปเยอะค่ะเยอะมากๆ  ไม่กี่ปีมานี้เม้าคิดมาตลอดว่าอยากจะตัดเหงือกเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งใจก็ไม่กล้าที่จะทำ จนกระทั่งถึงเวลา ที่ได้ทั้งโอกาสและ ความอยากที่จะทำ เลยตัดสินใจทำ เหมือนตอนที่เม้าทำจมูกครั้งแรกเลยค่ะ เราจะกลัว กลัวมากๆ กังวลนั่นนี่ ว่าจะเจ็บ จะแบบนั้นแบบนี้ พอทำจริงๆมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดเลยค่ะ และไม่ได้ดูแลอะไรลำบากเลย เพียงแต่ว่า ไหมจะคาอยู่ที่ปากเราหลังทำ 5-7วันก่อนจะตัด เวลายิ้มก็อาจจะเห็นไหมสีดำนิดหน่อย ซึ่งถ้าเรายิ้มไม่กว้างมากก็ไม่มีใครเห็นนะคะ เม้าใช้ชีวิตปกติมากๆๆๆๆ เพราะงั้นน้องๆ เพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะตัดเหงือกเม้าแนะนำถ้าอยู่เชียงใหม่ แวะมาที่นี่ค่ะ เพราะตามเม้ารีวิว เม้ารีวิวจากประสบการณ์จริงล้วนๆ นะคะ หมอให้คำแนะนำอย่างเห็นภาพ และผลที่ได้นั้น เป็นที่ถูกใจมากๆค่ะ ส่วนตัวเม้าเป็นคนฟันสั้นอยู่แล้ว สั้นมากเหมือนฟันหนู ฟันเล็ก หมอก็แจ้งว่า จะออกได้ไม่เยอะ พอทำออกมาอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นว่า เปลี่ยนไปชัดเจน แต่ตัวเราเรารู้ค่ะ บางคนที่ไม่ใช่เรามองมา อาจจะบอกว่า มันเหมือนเดิมนะ ไม่ว่าจะทำอะไร ศัลยกรรม บางอย่างเม้าอยากแนะนำเพื่อนๆว่า อย่าเอาคำพูดคนอื่นมาเป็นตัวตัดสินที่ทำให้ ความมั่นใจหรือความรู้สึกเราต่อตัวเองเปลี่ยนไปค่ะ อย่างบางคน มาปรึกษาเสริมจมูกเม้าบอกว่า อยากทำใหม่ เพราะอะไร?​ คำตอบที่ได้คือ คนอื่นบอกมันธรรมชาติไป คนอื่นบอกมันดูไม่ออกว่าเสริม แบบนั้นแบบนี้ คือถ้าเกิดเราเอาคำพูดคนอื่นมาเป็นตัวตัดสินให้กับตัวเอง ตัวเราเองจะนอยนะคะ เราต้องรู้ตัวเอง ว่ามันดีละยัง คำว่าทำออกมาแล้วธรรมชาติ จริงๆต้องดีใจด้วยซ้ำค่ะ การศัลยกรรมเพื่อให้เด่นชัด ให้คนอื่นทัก เช่น เสริมจมูกมาให้สันสูงเป็นเขื่อน ปลายพุ่งจะทิ่มหน้า มันเด่นชัดก็จริงแต่ในทางศัลยกรรมเค้าไม่ได้มองว่ามันสวยกันนะคะ หรือทำตา อยากเอาแบบชั้นตาหนาๆชัดๆ ให้รู้ว่า ฉันทำตามานะ แต่ถามว่ามันอยู่บนหน้าเราแล้วมันสวยไหม เม้าว่ามันคงประหลาดตาน่าดู เหมือนกันค่ะ เรื่องฟันเม้าเอง ถ้าดูเผินๆ มันไม่ได้จะเห็นชัดหรอกว่า เธอไปตัดเหงือกมาใช่ไหม? ฟันเธอยาวขึ้นใช่ไหม เม้าไม่ต้องการแบบนั้นค่ะ ไม่ได้ต้องการให้ทำศัลยกรรมแล้วเปลี่ยนไปเลย แต่อยากให้ดูดีขึ้น ซึ่งเราจะรู้เองค่ะว่ามันดีขึ้นแค่ไหน แล้วการตัดเหงือกเม้าครั้งนี้ เวลาเม้ายิ้มเม้าพอใจมากก Happy อย่างมากค่ะ รู้ว่ามันไม่ได้กังวลเรื่องยิ้มเห็นเหงือกอีกต่อไป เดี่ยวนี้คือยิ้มแล้วเห็นเหงือกนิดนึง แต่มันไม่ใช่การยิ้มเห็นเหงือกแบบที่น่าเกลียดเหมือนก่อนค่ะ ฟันก็ยาวขึ้นด้วยซึ่งไม่ได้ยาวแบบแปลกตาเพราะส่วนตัวเม้าชอบนะคะที่ตัวเองฟันเล็กสั้น มันทำให้หน้าดูเด็กด้วยค่ะ ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่เราชอบในสิ่งที่เราเป็นแบบเราอย่างนี้ค่ะ ในเรื่องของการดูแลที่นี่ ทั้งก่อนและหลังทำ เม้าก็ไม่ผิดหวังค่ะ จึงกล้ามาบอกต่อเป็นความรู้ให้ข้อมูลคนอื่นที่สนใจ ถามว่าทำมาแล้วมีปัญหาอะไรไหม ?​ ไม่เลยสักนิดค่ะ หลังจากตัดไหมก็ไม่มีติดต่อ ปัญหาหลังทำหรือ ต้องพบหมอเลยค่ะ ปกติมากกกกก  ในเวลาอันสั้น ซึ่งต้องขอบคุณ Dental me มากๆอีกครั้งค่ะ ที่ให้ความรู้และดูแล ให้คำแนะนำอย่างดี ขอบคุณหมอโต้ หมอชัย ร่างกายพักฟื้นไวมากและไม่มีช้ำเลยค่ะ 









สำหรับเพื่อนๆที่สนใจ ติดต่อได้ตามทางนี้เลยนะคะ 
Dental me 

สาขาพระสิงห์  053-327203 , 088-2632630
สาขาดารา  053-244106 , 088-2634768
FB  Dentalme
IG  dentalme_clinic #dentalme






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Review ประสบการณ์ทำตากับบียอน(เทคนิคเย็บจุดเดียว)

TOPIC นี้เม้าซ์เอารูปปัจจุบันที่เห็นตาชัดๆ ให้ดูก่อนนะคะ     วันนี้เอาใจสาวๆที่เชียร์ให้เขียน Topic นี้กันค่ะ หลังจากที่ทำไปแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ ส่วนมากก็ Review ลงแค่ใน IG แต่ก็ไม่สามารถสาธยายได้ยาวเหยียดเท่าในนี้นัก งั้นวันนี้ลองมาอ่านแบบละเอียดกันดูค่ะ หรือใครที่ search จาก Google ก็สามารถเข้าไป ดู Review อีกแนวได้ทาง IG เม้านะคะ Search : @arindada.k / @reviewdada ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ก่อนอื่นเม้าต้องขอพูดถึงลักษณะตามเม้าซ์ก่อนนะคะ พร้อมภาพประกอบ  ตามที่เคยบอกบ่อยๆ ว่าเม้าไม่เคยศัลยกรรมอะไรมาก่อนนอกจาก "จมูก" จริงๆ และตาเป็นอวัยวะที่เพื่อนๆถามถึงบ่อยมาก ว่าทำที่ไหน และเม้าก็ตอบตามความจริงว่า ไม่เคยทำ ซึ่งคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เม้าก็ไม่สามารถที่จะไปขอร้องให้ทุกคนเชื่อได้ทั้งหมด เพราะปกติเม้าไม่ใช่คนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมและถึงแม้ว่าจะเป็นคนให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเม้าทำอะไรเม้าสามารถบอกได้ทุกอย่างค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ กับประสบการณ์ "ทำตา" และเม้าเต็มใจที่จะแชร์ให

แค่เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดก็เข้าใกล้หน้าใส

ก่อนที่จะอ่าน Topic นี้เม้าขอเพื่อนๆอย่างนึงว่า  "ขอให้อ่านจนจบค่ะ แล้วสงสัยตรงไหนค่อยถามหลังอ่านจบแล้วนะคะ" เหตุผลที่เม้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะ แชร์ประสบการณ์การดูแลผิวสำหรับเพื่อนๆที่อยากหน้าใส ได้รู้วิธีที่ถูกต้อง และเป็น Topic ที่อยากจะให้ทุกๆคนได้อ่าน เพื่อเข้าใจอะไรที่ถูกต้อง และเพื่อแบ่งเบาตัวเองด้วย เนื่องจากเรื่องผิวค่อนข้างละเอียดอ่อน เม้าไม่สามารถที่จะนั่งตอบคำถาม และอธิบายให้ทุกคนที่เข้ามาปรึกษาได้อย่างยาวเหยียดว่า เราต้องทำยังไงกับผิวหน้าตัวเองบ้าง เพราะเรื่องผิวละเอียดมากๆค่ะ และการจะให้คำปรึกษาแต่ละเคส ใช้เวลานานมากเช่นกันค่ะ "หากอยากจะหน้าใส ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่รู้วิธี เพื่อนๆเองก็ต้องเริ่มจากอ่านค่ะ อ่านมันให้จบ และหลังจากนั้น ค่อยถามในสิ่งที่เม้าไม่ได้เขียนไว้ใน Blog นี้  ได้ตามสบายค่ะ เพื่อแบ่งเบาให้เม้าและเพื่อตัวเพื่อนๆเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดน้า จะได้ดีกับทั้งคนให้คำปรึกษาและเพื่อนๆเองนะคะ"  สิ่งที่เม้าจะเขียนนี้ คือ “การดูแลผิวหน้าตามแบบเม้าซ์ ” นั่นเพราะว่ามีวิธีดูแลผิวอีก 108 พันอย่าง