ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทำยังไงให้รูปหน้าเรียวสวยแบบไม่ต้องผ่าตัด ?

คำว่าปรับรูปหน้า .. สาวๆ เข้าใจกันว่ายังไงคะ ? 

อีกคำถามที่อยากถามก่อนให้คิดคือ .. 
"ถ้าคิดว่าอยากหน้าเรียวต้องทำอะไร ?"








Topic นี้เหมือนเดิมคือจะขอเขียนในแบบภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่วิชาการ เพราะเม้าซ์ไม่ใช่หมอ 
และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และต้องการให้ทุกคนเข้าใจมากที่สุด หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะคะ 





ทุกวันนี้ในฐานะที่เม้าทำหน้าที่ Skin , Surgery Consultant ให้กับคนอื่นๆนั้น
คำถามที่มักจะเจอบ่อยในเรื่องปรับรูปหน้านั้นมักจะเป็นแบบนี้ค่ะ

"คุณเม้าซ์คะ .. อยากหน้าเรียว โบทอกซ์ดีไหมคะ ?​" 

"คุณเม้าซ์คะ .. ตอนคุณเม้าปรับรูปหน้า ทำอะไรบ้าง ชอบโครงหน้าแบบคุณเม้าซ์ จะทำบ้าง" 

"พี่เม้าซ์คะ .. หน้าหนูบานมากเวลาถ่ายรูปต้องหามุมนานมาก ไปโบทอกซ์ดีไหมคะ?" 

"พี่เม้าซ์คะ .. หนูอยากหน้าเรียว ต้องใช้เงินเท่าไหร่ดี?"  เป็นต้น ..


ยังมีอีกหลายคำถามที่มาในรูปแบบต่างๆ ของคำว่า "อยากหน้าเรียว" ซึ่งลองหยุดนึกสักแปปค่ะ
ว่าถ้ามาปรึกษาเม้าซ์ในเรื่องนี้เหมือนกันจะ ถามเม้าว่ายังไง



.

.

.


ถ้าพร้อมแล้วเราลองมาเริ่มทำความเข้าใจเรื่อง ​"การปรับรูปหน้า" ในแบบของเม้าซ์ กันค่ะ
เผื่อว่าจะช่วยสาวๆให้มีรูปหน้าที่สวยขึ้นได้ และอย่าลืมนะคะว่า อ่านแล้วอ่านให้จบ
หลังอ่านจบแล้วยังมีคำถามอยู่ ยินดีแนะนำให้ค่ะ Line @arindada.k (มี@ด้วยนะคะ)
แต่ถ้าอ่านไม่จบแล้วรอถามอย่างเดียว พอมาปรึกษาเม้าก็คงไล่มาอ่านให้จบอีกรอบค่ะ ฮ่าๆ



ก่อนอื่น เริ่มต้นกันจาก "เช็ครูปหน้าเราเองก่อนค่ะ" เราอยากรูปหน้าเหมือนคนนั้นคนนี้ เราต้องทำอะไร?
คำตอบคือ  : แน่นอนว่าเราจะมีบุคคลแบบอย่าง จะคนธรรมดาหรือดาราระดับโลกก็ช่าง
แต่จะต้องมีคนที่เราแบบว่า "ชอบ" "ชอบมาก" "คลั่งมาก" แล้ว "อยาก" ที่จะหน้าแบบนั้น
ซึ่งเราก็อาจจะจดจำบางคนก็ Save รูปไว้แล้วใช้วิธีการเข้าไปบอกหมอ "อยากหน้าแบบนี้ค่ะ" 
ไม่รู้ว่าจะมีสักที่หมอที่กุมขมับกับกรณีแบบนี้ อารมณ์แบบว่า คิดในใจ "จะเอาแบบนั้นเกรงใจเบ้าหน้าเดิมตัวเองก่อนไหม" "ทำได้ไหมคะหมอ?" "ก็ได้คล้ายๆนะ มีงบเท่าไหร่" "ไม่เกินหมื่นได้ไหมคะ?" 
แล้วหมอก็มองหน้า คิดในใจว่า "เบ้าเดิมไกลจากแบบที่อยากละยังงบน้อยอีก" -  _____ -' T ____T
ฮ่าๆ ล้อเล่นนะคะ แต่น่าจะพอให้นึกภาพได้ คือสิ่งที่เม้าต้องการบอกอย่างแรกคือ
ไม่ผิดที่เราจะมีรูปหน้าในดวงใจ เซฟรูปคนนั้นคนนี้ ดาราคนนั้นคนนี้ แต่ .. เชคตัวเองก่อน 
ว่าเรารูปหน้าแบบไหน​​? ใกล้เคียงกับบุคคลนั้นไหม ห่างกันมากไหม

เช็คยังไง ?​ 

เราคงเคยเห็นตามนิตยสาร หรือบทความในเนตใช่ไหมคะ เรื่องรูปหน้าแต่ละแบบ
รูปไข่ , รูปหัวใจ , รูปกลม , รูปสามเหลี่ยม เป็นต้น พวกนี้คือรูปหน้า
ซึงถ้าใครนึกไม่ออกก็เปิด Google ค่ะ  Search > รูปหน้าแต่ละแบบ ก็จะมีให้อ่านเพียบ

อันนี้เป็นรูปที่เม้าหยิบมาจากGoogleให้นะคะ 

รูปจาก woman Mthai นะคะยืมมาค่ะ 

ถ้ายังไม่มั่นใจจะเอาเป้ะๆ ก็เปิด Google พิมพ์ค่ะว่า "รูปหน้าคุณเป็นแบบไหน" จะมีวิธีวัดแบบเป้ะๆ
ซึ่งตรงนี้เม้าขอผ่านนะคะ คือไม่อยากให้จริงจังขั้นต้องวัดหา เอาแบบส่องกระจกแล้วพิจารณาพอค่ะ
คราวนี้พอรู้ว่าเรารูปหน้าอะไรก็ลองเทียบแบบคร่าวๆ ว่า เรากับบุคคลนั้น รูปหน้าใกล้เคียงกันบ้างไหม
อย่างเช่น เม้าซ์เทียบตัวเองนะคะ "เม้ารูปหน้ากลม" นะคะ เดิมทีก่อนจะปรับ "ทั้งกลมและบาน" 
ส่วนมากสาวๆบ้านเรา จะรูปหน้าแบบนี้กันส่วนมากค่ะ แต่อย่าเพิ่งตัดสินนะคะว่า
"เห้ย เรากับเม้าซ์ก็เหมือนกันน่ะซิ กลมบานเหมือนกัน .. งั้นทำเหมือนเม้าซ์เลยก็ต้องออกมาเหมือนกัน" 
มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ เราจะไปตาม Step

Step ต่อมาคือเม้ารู้แล้วว่า ปัญหาหน้าตัวเองคือ "กลม บาน" แล้วรูปหน้าที่เม้าอยากได้เป็นแบบไหน?
ถ้าเม้าดันชอบแบบ "อั้ม พัชราภา" แน่นอนว่า "ยาก" เพราะหน้าอั้มคือ "รูปไข่" (มีตัวอย่างให้ดูค่ะ)


ถามว่าจะรอดไหม? ทำได้ค่ะถ้าเม้าซ์ ทุบโหนก เหลากระดูก ยืดหน้านั่นนี่ 
สรุปคือ ถ้ามองโดยรวม ทั้งรูปหน้า ทรงหน้า และ เครื่องหน้า "ไกลอั้มมาก" ฮ่าๆ
เพราะงั้นถ้าเอารูปคนอื่นเทียบ แบบอั้ม จะไม่ใช่แบบที่เหมาะกับเม้าค่ะ
ถามว่าชอบแบบอั้มไหม หน้ารูปไข่ แบบนี้ถือว่าเป็นรูปหน้าในอุดมคติของหลายๆคนค่ะ
แต่งหน้าง่าย สวย ทำทรงไหน ใส่แว่นทรงอะไรก็ดูดีไปหมด
แต่จะไม่ใช่แบบที่เม้าทำได้ค่ะ ปรับรูปหน้าที่เราจะทำคือ โปรแกรมbasic ไม่เอาแบบถึงกับทุบหน้าค่ะ
เพราะงั้นก็ผ่านแบบอั้มแล้วหาแบบที่เราพอไปได้ต่อค่ะ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจต่อ ฮ่าๆ

ถ้าเม้าต้องหาดาราที่รูปหน้าใกล้เคียงตัวเองมากขึ้น แล้วให้เพื่อนๆเห็นความต่างชัดเจน
เม้าจะยกดาราบ้านเรามาละกันนะคะ ที่เม้านึกได้น่าจะเป็น ใหม่ ดาวิกา ค่ะ



เม้าคงยกรูปมาแค่นี้นะคะ เพื่อเป็นแนวทางให้เพื่อนๆเห็น ถ้าเอาดาราบ้านเราน่าจะเห็นภาพกว่า
ตะกี้พูดถึงว่า เม้าจะหารูปหน้าแบบที่ตัวเองพอไปได้ ดันเลือก "ใหม่ ดาวิกา" มา
ถึงตรงนี้บางคนอาจจะ "หือออ...อ นี่กล้าเทียบกับใหม่?" คือเปล่านะคะใจเย็นๆ เราพูดถึงรูปหน้า
คนอาจจะคิดว่า "ดูหน้าตัวเองหน่อย ตื่นหน่อย ฮ่าๆ" เราจะไม่อคตินะคะ

ใหม่ ดาวิ เป็นผู้หญิงที่จริงๆรูปหน้าค่อนไปทางกลมค่ะ ไม่ได้เรียว ยาว ไข่ เหมือนอั้ม
แล้วเห็นค่อนข้างชัด แล้วเม้าเองก็รูปหน้ากลม ซึ่งถ้าเอาดาราบ้านเราใหม่คือคนที่เม้าเห็นภาพที่สุดค่ะ
แต่ถามว่าทำไมเม้ากับใหม่ ความสวยช่างห่างไกล ทำไมใหม่หน้ากลมแล้วดูเป้ะ
ตรงนั้นอยู่ที่องค์ประกอบอื่นๆด้วยค่ะ ทั้งสัดส่วนหน้า เครื่องหน้า เราไม่อาจเทียบ
แต่เราก็สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้ค่ะว่า อย่างน้อยดาราระดับใหม่ยังหน้ากลม ฮ่าๆ
พอช่วยได้ไหมคะ  555555 ซึ่งจริงๆยังมีดาราเกาหลี ดาราจีนอีกหลายคนนะคะ
แล้วเม้าซ์จะชอบดูทางจีน ฮ่องกง มากกว่า แต่ดาราบ้านเราเม้าจะเฉยๆ แต่กลัวเพื่อนๆจะนึกภาพไม่ออก



เพราะงั้นถ้าเกิดเราได้แรงบันดาลใจแล้ว เราก็อาจจะมีแรงในการทำสวยต่อค่ะ เพื่อให้เราเห็นภาพ
จริงๆผู้หญิงในฝันที่เม้าซ์รู้สึก "คลั่ง" และชอบมากๆ คือ คนนี้ค่ะ Nana Afterschool พอนึกออกไหมคะ





สำหรับเม้าซ์ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ที่สุดสำหรับเม้าซ์ค่ะ ไม่ว่าจะสัดส่วนหน้า เครื่องหน้า รูปหน้า 
ถ้าวันนึงเม้าหน้าแบบนี้ได้ เม้าคงอิ่มใจไปทั้งชาติค่ะ ฮ่าๆ แต่ไกลกันเหลือเกิน 


สิ่งต่อมาที่เม้าจะบอกนั่นคือ "รูปหน้าแต่ละคนมีเสน่ห์ต่างกันออกไปค่ะ" 
ผู้หญิงมีชื่อเสียง 3 คนนี้ที่เม้ายกรูปมานั้นรูปหน้าต่างกันออกไปเลยนะคะ แต่จะเห็นว่า
แต่ละคนดูดีทั้งสามคน สำหรับเม้าคือ สวยมาก มีเสน่ห์มาก เพราะงั้นถึงแม้เราไม่ใช่คนหน้ารูปไข่
ก็ไม่ต้องไปน้อยใจค่ะ ไม่ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองหน้ารูปไข่ ไม่ต้องถึงกับต้องบินไปเกาหลีเพื่อจะทุบหน้าตัวเอง ศัลยกรรมสำหรับเม้าคือการยังเป็นตัวเราค่ะ ไม่ต้องเจ็บตัวหรือถึงกับเปลี่ยนหน้าตัวเองขนาดนั้น สำหรับเม้านั้น การศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติแต่เม้าเองก็ใช่ว่าจะทำให้เปลี่ยนไปทั้งหน้า แต่จะให้เหลือความเป็นเราค่ะ การดึงเสน่ห์บนหน้าเราออกมาได้แล้วดูดีในแบบของเราคือเสน่ห์สำหรับเม้าในการศัลยกรรมค่ะ และเม้ายังกล้าพูดได้ค่ะว่าเม้าศัลยกรรมมาเพียงจมูกที่เปลี่ยนไป อีกอย่างที่เม้าเคยทำในชีวิตนั้นคือตา ซึ่ง BEFORE - AFTER นั้นเหมือนกันค่ะ แต่ถามว่าแล้วทำทำไม
นั้นเพราะเม้าทำเพื่อเวลาคนมาขอคำปรึกษาจะได้ให้คำปรึกษาได้ถูกค่ะและตาซ้ายเม้ามีปัญหาชอบมีสามชั้น หนังตาปรือบ่อยๆตามอายุ และเกิดจากการขยี้บ่อยเลยตัดสินใจทำเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ค่ะ
เพราะงั้นการที่เราจะปรับรูปหน้าให้เราดูถึงความเป็นไปได้ก่อนค่ะ เราหน้าแบบไหนเราก็ค่อยมาดูต่อว่า
"หน้าแบบฉันนั้น ถ้าจะปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นนั้นต้องทำยังไง?" 



มาต่อกันเรื่องปรับรูปหน้า Step ต่อไปนะคะ หลังจากเราได้แบบคร่าวๆ ของคนที่รูปหน้าคล้ายเราแล้ว
เราก็จะมีแรงบันดาลใจและง่ายต่อการปรับรูปหน้าค่ะ ซึ่งตรงนั้นถามว่าเม้าทำแบบนั้นไหม? 
เม้าผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ เม้าไม่ได้ถึงกับ จะเอารูปคนนั้นคนนี้ให้หมอแล้วให้หมอทำตาม 
เพราะเม้าจะรู้จุดบกพร่องบนหน้าตัวเองซะส่วนมากและรู้ว่าตัวเองเหมาะกับแบบไหน 
ทำแบบไหนแล้วจะดูดี มากกว่าค่ะ ด้วยเพราะหน้าที่เราด้วย และเอาตรงๆเม้าโชคดีตรงที่เจอหมอตรงตามสเปคค่ะ ถึงตรงนี้เม้าอยากจะแนะนำสาวๆนะคะว่า บางทีเราอาจจะเอารูปไปให้หมอดูแล้วบอกหมอว่า "เราอยากได้แบบนี้" หมอจะมีหลายๆแบบนะคะ บางท่านก็โอเค ทำให้แต่ไม่ได้บอกอะไรมาก 
แต่ถามว่าออกมาเหมือนไหม ก็ไม่ได้เหมือนหรือ ส่วนนั้นเหมือนแต่มันไม่ได้เหมาะกับหน้าเรา
เพราะงั้นที่เม้ากำลังจะบอกคือ "หมอแต่ละท่านอาจจะทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการ แต่ไม่ใช่ทุกท่านที่จะให้คำปรึกษาเราได้ว่าแบบไหนมันใช่สำหรับเรา การปรับรูปหน้าหรือศัลยกรรมให้สวยสำหรับเม้านั้น คือเราต้องเลือกให้เป็น ดูให้ออก ว่าแบบไหนที่จะทำให้เรามีเสน่ห์ขึ้นและดูเข้ากับเราที่สุดค่ะ" 
ซึ่งในเรื่องนี้สำคัญมากๆสำหรับเม้าซ์ค่ะ ถึงเป็นที่มาว่า "ทำไมคนถึงชอบและอยากมาปรึกษาเม้า ทั้งที่เม้าไม่ใช่หมอนั่นเพราะเม้าคิดว่าสิ่งที่เม้าเลือกและให้คำปรึกษากับลูกค้าแต่ละคนนั้น ทำให้เค้าเห็นภาพและผลลัพธ์ที่ได้นั้นเป็นที่พอใจของเค้าค่ะ" และในเรื่องปรับรูปหน้าก็เช่นกันค่ะ เม้าซ์ค่อนข้างจะตีออกว่าตัวเองต้องการอะไร แบบไหนที่ใช่สำหรับตัวเอง แต่หมอเองก็เช่นกันค่ะ เค้าจะต้องสามารถให้คำปรึกษาเม้าได้ สนองความต้องการที่เม้าอยาก และจัดโปรแกรมมาให้เม้าได้ว่าเม้าควรทำอะไร เพราะการปรับรูปหน้าเอาจริงๆว่า "หาหมอทำนั้นไม่ยากเลย แต่จะหาหมอที่เข้าใจเราและจัดโปรแกรมเก่งๆนั้นยากนะคะ" ซึ่งตรงนี้เม้าก็เจอหมอมาหลายคน ทำงานร่วมกับหมอหลายท่าน สิ่งนึงที่พูดได้คือหมอแต่ละท่านจะมี อีโก้และสไตล์ที่ต่างกันค่ะ ความถนัดเองก็ต่างกันค่ะ ในส่วนตัวเม้าซ์หมอหลายๆท่านที่เม้าร่วมงานมาแล้วเม้าเห็นว่า ถูกใจเม้าที่สุดในเรื่องการปรับรูปหน้าจะเป็น "หมออิ๋ว"ค่ะ ซึ่งหมอไม่ได้อายุเยอะเลย ยังสาวอยู่เม้าเรียก เจ่ ก็ยังได้ แต่เรื่องการปรับรูปหน้าเม้ายกนิ้วให้จริงๆค่ะ ซึ่งเวลาเม้าต้องการอะไร หมอจะมีโปรแกรมที่เหมาะกับเม้าจริงๆ แล้วตีโจทย์ที่เม้าต้องการได้ และแย้งเม้าได้ในสิ่งที่ไม่เหมาะกับเม้าจนเม้าเห็นภาพค่ะ ตรงนี้เม้าซ์จะไม่ลง ชื่อคลินิกละกันนะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆจะคิดว่าเป็นการโฆษณา ยังไงเดี๋ยวเม้าแนะนำต่อค่ะ และถ้าสนใจจริงๆก็ถามส่วนตัวละกันนะคะ 


ตอนนี้เรารู้แล้วว่ารูปหน้าเรานั้นเป็นแบบไหน อย่างเม้าซ์เองนั้นเดิมทีเป็นคนหน้า "กลม บาน" 
ในอดีต ซึ่งเม้าจะไม่ได้ลงรีวิวรูปหน้าตัวเองนะคะ เพราะเม้าตั้งใจเขียน Topic นี้เพื่อแนะนำคนอื่นมากกว่าค่ะ และไม่อยากจะให้เข้าใจว่า "เม้าทำอะไรบ้าง แล้วเราจะทำบ้าง" ตามที่เม้าต้องการคือ
เม้าจะสอนแนะนำให้มีทางเลือกค่ะ ไม่ใช่ทำตามเม้าค่ะ เพราะรูปหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เดิมทีนั้นเม้าก็ไม่ได้มาเริ่มต้นปรับรูปหน้ากับหมออิ๋วแต่แรกนะคะ ก็มีกับหมอท่านอื่นๆด้วย
โปรแกรมที่เม้าซ์ทำก็จะเป็น พื้นฐานทั่วไปเลยค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ เช่น โบทอกซ์ เมโส ร้อยไหม ฟิลเลอร์
กว่าจะได้แบบที่สามารถถ่ายรูปแล้วอยู่ข้างหน้าสุดได้ก็ใช้เวลาค่ะ


Step ต่อไปเรามาดูค่ะว่าเราต้องทำยังไงต่อ หลังจากรู้รูปหน้าตัวเอง ?​
คำตอบคือ : มาเริ่มจัดโปรแกรมให้ตัวเองกันค่ะ เพราะงั้นตอนนี้เราจะตามคนอื่นไม่ได้แล้วนะคะว่า เค้าทำอะไรบ้างเราจะทำตาม เพราะหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะแล้วเรื่องการจัดโปรแกรมนั้น เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่หลายๆคนเข้าใจผิด มักเข้าใจว่า​
"อยากหน้าเล็กเรียวต้องโบทอกซ์" 
"อยากหน้าเล็กเรียวต้องร้อยไหม"  เป็นต้น 
บางคนก็ชอบมาถามค่ะว่า "พี่เม้าร้อยไหม ไหมคะหน้าเรียวเลย" "เม้าโบทอกซ์ไหมคะหน้าเรียวเลย" 
เหย .. คือคนๆนึงจะหน้าเรียวไม่ได้หมายความว่าต้องร้อยไหม ต้องโบทอกซ์เสมอไปค่ะ
โปรแกรมจัดรูปหน้าเอาจริงๆมันเยอะมาก ถ้าเม้าบอกว่า ในชีวิตเม้านี้เม้าโบทอกซ์น้อยมาก
ประมาณว่าปีละครั้งจะเชื่อไหมล่ะคะ ?​ ซึ่งเอาจริงๆคือมันเรื่องจริงค่ะ เพราะงั้นเข้าใจกันใหม่ ถ้าเข้าใจว่าเม้าโบทอกซ์บ่อยแน่ๆหน้าถึงเล็กได้มันไม่ใช่ โปรแกรมจัดรูปหน้ามันมีเยอะ เยอะมาก เม้าโบปีละไม่เกินสองครั้งค่ะ และมันเรื่องจริงๆ เพราะเม้าไม่ได้กรามเยอะ โบทอกซ์เลยไม่ได้จำเป็นกับเม้ามาก



ลองมาทำความรู้จักกันแต่ละโปรแกรมการปรับรูปหน้าคร่าวๆค่ะ 
เราลองมาดูว่าในบรรดาสิ่งที่เราสามารถทำได้ในการปรับรูปหน้าให้เล็ก  เรียวขึ้น นั้นมีอะไรบ้าง
ถ้าพูดถึงโปรแกรมพื้นฐานก็จะมีตั้งแต่ BOTOX , Meso Fat , Filler , ร้อยไหม,เครื่องเลเซอร์ต่างๆ 
แล้วแต่ละโปรแกรมที่ว่ามาก็จะแตกแยกออกไปหลายอย่างค่ะ มีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันไปเฉพาะตัวของมันอีก เราจะไม่ถึงกับพูดเรื่อง ทุบกระดูก เหลา กระดูก ดึงหน้าผ่าตัดนะคะ อันนั้น advance เกินไปเม้าไม่สามารถค่ะ

Botox  ที่เรามักเข้าใจว่า ฉันอยากหน้าเรียวเล็ก ฉันต้องโบทอกซ์ จริงๆแล้วไม่ใช่เสมอไปค่ะ
หน้าที่ของเจ้าโบ เค้าทำหน้าที่สลายกราม ที่ไม่ใช่การผ่าตัด และยังสามารถลบรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหางคิ้วให้หายไปได้ด้วยนะคะ ที่เราเห็นกันว่าผู้ใหญ่หน้าตึงๆทั้งที่มีอายุแล้วก็ฉีดโบได้ค่ะ แต่วัยรุ่นก็ฉีดได้นะคะ เพราะอย่างบางคนทำกิจกรรมออกกลางแจ้งบ่อยๆ ก็ฉีดโบเพื่อลด
ริ้วรอยก่อยวันอันควรได้ค่ะ แล้วใช่ว่าจะมีแต่ผู้หญิงทำกันนะคะ ผู้ชายก็นิยมกันค่ะไม่ใช่เรื่องหน้าอายเลย แต่ควรเป็นผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหนัก เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพของโบท็อกช์หลังการฉีดออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ค่ะ 

เอาง่ายๆคือตอนนี้ความสามารถของเจ้าโบทอกซ์มันอัพเกรดจนทำอะไรได้หลายต่อหลายอย่างโดยที่เราคาดไม่ถึงแล้วค่ะ ได้ถึงกับขนาด ลดเหงื่อ ลดรูขุมขน แก้หน้ามัน ลดเหนียง ยกเต้านม ลดกล้ามมัดขา ลดเหงื่อรักแร้ และโรคหลายอย่างด้วยค่ะ อย่างที่ฮิตกันในหมู่ดารา แอร์โฮสเตทในด้านความงามในช่วงไม่นานมานี้ ก็จะเป็นการLift หน้า ซึ่งจะทำให้กรอบหน้าชัด หน้าตึง ยกกระชับ 

อ่านมาทั้งหมดเอาง่ายๆค่ะว่า สมมุติเราเป็นคนมีกราม (ใช้การกัดฟันแรงๆเช็คแล้วจับกรามค่ะ ถ้าปูดแข็งออกมาเยอะ หน้าเหลี่ยมก็แสดงว่า กรามเยอะค่ะ โบทอกซ์จะเหมาะ) ซึ่งคนที่จะเริ่มต้นปรับรูปหน้ามักต้องทำกันทุกคนค่ะเม้าเองก็เหมือนกันแต่ของเม้ามีน้อยมากค่ะเลยทำแล้วไม่ได้เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เพราะการโบทอกซ์จะเปลี่ยนให้คนที่หน้าเหลี่ยมๆ ดูหน้าเรียว ขึ้นได้ค่ะ ด้วยการฉีดเพื่อ 
ลด(กล้ามเนื้อ)ขากรรไกร Masseter เม้าวงเล็บคำว่า (กล้ามเนื้อ) ห้นั้นก็เพราะบางคนที่บอกไม่เห็นจะลดเลยก็ต้องลองเช็คต่อไปค่ะว่ามันใช่กล้ามเนื้อไหม ถ้ามันเป็น "ไขมัน" หรือ "กระดูก" โบทอกซ์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ มันไม่ได้มีหน้าที่ลดกระดูกหรือลดไขมันค่ะ 



อยู่นานแค่ไหน? 
การโบทอกซ์โดยส่วนมากนั้นจะอยู่ที่ 5-6 เดือนค่ะตามอายุของมันแต่ทั้งนี้มันต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆของแต่ละคนด้วยค่ะ เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเกิดปกติเป็นคนที่เข้ายิม เล่นพวกเวทต้องมีการกัดฟัน เกร็งกล้ามเนื้อบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้กรามกลับมาไวค่ะ หรือคนที่ชอบเคี้ยวอะไรเหนียวๆ แข็งๆ เช่นหมากฝรั่งบ่อยๆ ก็จะทำให้กลับมาไวเช่นกันค่ะ เพราะงั้นอายุ 5-6 เดือนนั้นเป็นอายุของโบทอกซ์โดยเฉลี่ยส่วนมากค่ะ แต่อยู่ที่ร่างกายแต่ละคนด้วย รวมถึงปริมาณที่ฉีดด้วยเช่นกันค่ะ หรือถ้าเกิดโดนความร้อนบ่อยๆ ทำเลเซอร์บ่อยๆ บริเวณที่ฉีดก็มีผลทำให้กลับมาไวค่ะ 


แล้วเราต้องฉีดซ้ำอีกเมื่อไหร่?​ 
แน่นอนว่าการปรับรูปหน้าด้วยการฉีด ในโปรแกรมพื้นฐานที่เม้าพูดถึงให้กับสาวๆนี้นั้น ไม่ใช่ถาวรค่ะ  
มันไม่ใช่การผ่าตัดศัลยกรรม อาจจะต้องคอยฉีดซ้ำ คอยเติมกันหน่อยค่ะ จะไม่เหมือนการเสริมจมูกที่ครั้งเดียวก็เสร็จ หรือการเหลาโหนกที่ครั้งเดียวก็เสร็จค่ะ เพราะงั้นถ้าเกิดมันเริ่มกลับมาเราก็ค่อยกลับมาฉีดซ้ำได้ทุกเมื่อค่ะเพราะโบทอกซ์ไม่ได้ตกค้างในร่างกายค่ะ การฉีดต่อเนื่องบ่อยๆเชื่อไหมคะว่าจะมีผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเริ่มตายด้านเอาง่ายๆคือ ช่วงแรกๆอาจจะต้องถี่หน่อย นานๆเข้าถ้าเราฉีดเสมอต้นเสมอปลาย ก็จะค่อยๆเว้นระยะห่างออกไปค่ะ แต่แล้วแต่รูปหน้าแต่ละคนด้วยค่ะ ยกตัวอย่างแฟนเม้าซ์กรามหน้าชัด เค้าต้องฉีดทุก 3-4เดือนค่ะ ส่วนเม้ากรามน้อยมาก ช่วงแรกๆ ก็ 5เดือนฉีดครั้ง ส่วนตอนนี้ ปีละครั้งเท่านั้นค่ะ 



TIPS : สิ่งที่เม้าอยากฝากก่อนโบกันนะคะนั้นคือ การโบอาจจะเปลี่ยนรูปหน้าเราได้ค่ะ แต่มันสามารถเปลี่ยนไปได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี เพราะงั้นถึงได้บอกค่ะว่า "เราจะหาหมอที่ทำให้เราได้นั้นไม่ยาก แต่จะหาหมอที่จัดโปรแกรมเก่งๆในการปรับรูปหน้าให้เหมาะกับเราก็ไม่ง่ายค่ะ" มีหลายๆคนที่มาปรึกษาเม้าเกิดจากการไปโบแล้วแทนที่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแต่กลับแย่ลง นั่นเพราะ การปรับรูปหน้ามันไม่ได้แค่โบทอกซ์อย่างเดียวแล้วหน้าจะสวยเลยค่ะ ปัญหาเยอะ ก็ต้องใช้งบเยอะ เอาง่ายๆว่า เบ้าเดิมดี ก็ประหยัดงบถ้าไม่ก็ตามนั้นเลยค่ะ  
อย่างเช่น 

โหนกแก้มกว้างและใหญ่ >  ฉีดแล้วอาจจะทำให้ดูโหนกแก้มกว้างขึ้นอีก หน้าบานขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องใช้โปรแกรมอื่นช่วยต่อไป เพื่อแก้ปัญหาอื่น ที่จะตามมา 

หน้ากลม > ฉีดแล้วก็อาจจะได้รูปหน้าสามเหลี่ยมแทน  

หน้าสั้น > ฉีดแล้วหน้าอาจจะสามเหลี่ยมฐานกว้างแทน 

หน้าอ้วน > ไขมันเยอะ ถ้าโบไปแล้วกล้ามเนื้อหน้าเล็กลง ไขมันที่แก้มอาจจะย้อยลงมา ก็อาจจะต้องตามแก้ด้วยโปรแกรมอื่นต่อไปค่ะ 



ทั้งหมดนี้จะชี้ให้เห็นว่าการปรับรูปหน้าอาจจะไม่ได้จบแค่โปรแกรมใดโปรแกรมนึงเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะว่า โบทอกซ์อย่างเดียวอาจจะไม่พอค่ะ ต้องมีโปรแกรมอื่นๆตามมา อันนี้แค่พูดถึงรูปหน้าหลักๆ ยังไม่เจาะไปที่ส่วนอื่นๆนะคะ 


เพราะงั้นตรงนี้เองที่เม้าเพิ่งบอกไปว่า จริงๆ โบทำอะไรได้เยอะมาก ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือและความสามารถของหมอท่านนั้นด้วยค่ะ ว่าเค้าทำอะไรได้บ้าง และตีโจทย์ออกมากน้อยแค่ไหน 



ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ : ในกรณีคนที่ต้องการโบทอกซ์ให้เช็คและเลือกคลินิกสักนิดนะคะ เดี๋ยวนี้แม้แต่ยาปลอม โบทอกซ์ปลอมที่ผลิตออกมาโดยคนที่ไร้จรรยาบรรณก็มีอยู่เยอะค่ะ หรือบางทีเป็นโบทอกซ์ที่ต้นทุนถูก อย่าเห็นแก่ของถูกดึงดูดนะคะ เพราะถ้าเจอพวกโบทอกซ์ปลอมเข้า การฉีดช่วงแรกๆจะเห็นผลชัดเจนมากค่ะ แต่หลังจากนั้นจะเริ่มมีอาการดื้อยา หมายความว่าถ้าฉีดโบทอกซ์ในครั้งต่อๆไป ของดีแค่ไหนแพงแค่ไหนจะไม่เห็นผลค่ะ ซึ่งตรงนี้คนใกล้ตัวเม้าเจอมาค่ะ กลายเป็นไม่สามารถโบทอกซ์ได้เลย เพราะทำยังไง ก็ไม่เห็นผลค่ะ รวมถึงการฉีดบ่อยเกินจำเป็น มากเกินไปก็เช่นกันค่ะ จะทำให้เกิดการดื้อยาเอาได้ค่ะ 




Meso Fat อ่านว่า เมโส - แฟต 
ชื่อทางการเค้าชื่อ Meso Lipolysis  ค่ะให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ การฉีดสารเข้าไปเพื่อลดไขมันบริเวณที่เราฉีดเข้าไปนั่นเองค่ะ เราจะไม่วิชาการหนัก เดี๋ยวปวดหัว 555 ถามว่าอันตรายไหม ไม่อันตรายค่ะ จริงๆถือว่าปลอดภัยมากนะคะเพราะตัวยาเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มีหลายยี่ห้อหลายชนิด ราคาก็จะต่างกันที่เกรดคลินิก ชื่อเสียงคลินิก ยี่ห้อยา บางที่ก็อาจจะเสนอขายเป็นคอร์สค่ะ เพราะบางทีการฉีดเมโส
ครั้งเดียวไม่พอค่ะอาจจะต้องทำกันหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ และจริงๆสามารถฉีดบริเวณอื่นได้ด้วยนะคะ ไม่ใช่แค่บนหน้าเรา เช่น แก้ม คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก สามารถฉีดได้หมดค่ะ โดยแต่ละคนอาจจะต้องใช้ตัวยาในปริมาณที่ต่างกันออกไปนะคะ ไขมันเยอะ ก็ใช้เยอะค่ะเอาง่ายๆ 
ใช้เวลาก็ไม่นานพอๆกับ Botox ส่วนมากเวลาเริ่มปรับรูปหน้า คนไทยเราก็มักจะได้ทำคู่กับระหว่างโบทอกซ์กับเมโสแฟตค่ะ และบริเวณที่น่าจะต้องได้ฉีดทุกคนก็คือ แก้มค่ะ หรือบางคนมีเหนียงก็อาจจะได้ฉีดเหนียงด้วยค่ะ


เพราะงั้นใครที่บอกอยากหน้าเรียวแล้วไปโบทอกซ์แต่รู้สึกไม่เห็นจะเรียวก็ทำความเข้าใจกันใหม่นะคะ ถ้าดันเป็นคนไขมันแก้มเยอะ แล้วดันไม่ลดไขมัน ก็ไม่ได้จะเห็นผลค่ะ เพราะงั้นถ้าจะลดไขมันที่แก้มด้วยก็ต้องใช้เมโสแฟตค่ะ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะที่สุดค่ะ ซึ่งช่วงแรกๆอาจจะต้องขยันฉีดกันหน่อย เม้าจำได้ว่าเริ่มแรกที่เม้าจะปรับรูปหน้าฉีดบ่อยมากค่ะ เพราะไขมันแก้มเยอะมาก ทั้งกลมและบานค่ะ


TIPS สิ่งที่เม้าอยากจะฝากไว้สำหรับสาวๆที่จะไปลดไขมันแก้มด้วยวิธีนี้นะคะคือ การลดไขมันแก้ม บางคนอาจจะบอกหมอให้ฉีดเยอะๆ เอาออกไปเยอะๆ แต่สิ่งนึงที่อยากฝากไว้ เตือนใจคือ ร่างกายเราเราสามารถลดและเอาไขมันออกจากร่างกายเราได้นะคะ แต่ถ้าเราเอาออกมากเกินไป ทีนี้ถ้าเราต้องการให้มันกลับมา มันยากนะคะ มีผู้ใหญ่หลายๆคนเราจะเห็นว่าหน้าตอบ อยากจะหน้าฟู เต็มเหมือนเด็ก แต่ก็ยาก เพราะเมื่อเราแก่ขึ้น มีอายุขึ้น คอลลาเจนใต้ผิว ไขมันใต้ผิว ความฟู ต่างๆก็ลดลงเองตามวัยค่ะ เพราะงั้นสิ่งที่จะทำให้เราดูเด็ก คือไขมันนะคะ จะสังเกตว่าคนหน้ากลม แก้มป่องๆจะดูเด็กกว่าคนที่หน้าตอบค่ะ เม้าไม่แนะนำให้เอาออกเยอะ เพราะถึงเวลามันจะค่อยๆ หายไปเองค่ะ แล้วคราวนี้ถามหาไขมัน ก็จะต้องลำบากอีก ใช้วิธีการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้เสมอไปนะคะ อีกอย่างคือคนที่ฉีดเยอะๆ จนเรียกว่าเกินจำเป็น อาจจะพบว่า กลายเป็นคนเนื้อแก้มตอบ ก็ดูไม่ดีค่ะ แทนที่จะสวย แต่กลายเป็นดูไม่ดี ดูมีอายุ ดูไม่สดใส ไม่มีเสน่ห์ค่ะ ไม่อยากให้เจอเหตุการณ์แบบนั้น

อีกเรื่องที่หลายๆคนมักตั้งคำถามนะคะ 


"ฉีดเมโสแฟตเอาไขมันออกไปแล้วละมันจะกลับมาได้ไหม?" 
จริงๆไขมันที่เรากำจัดออกไปแล้วจากร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีไหน มันไม่กลับมานะคะ กำจัดออกไปแล้วคือออกไปเลยค่ะ แต่ร่างกายเราสร้างไขมันใหม่มาได้ตลอดตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ค่ะ เพราะงั้นที่เราเข้าใจว่ามันกลับมา มันไม่ได้กลับมาค่ะ มันอยู่ที่การดูแลหลังทำของเราค่ะ ถ้าเรายังสนุกกับการกิน ไม่ดูแลตัวเอง ไขมันก็สร้างใหม่ได้ตลอดค่ะ ทีนี้เราก็อาจจะต้องเปลืองเงินในการกำจัดออกไปอีกนั่นเองค่ะ


แล้วต้องทำบ่อยแค่ไหน?​ 
เพราะงั้นตอนนี้เรารู้แล้วใช่ไหมคะว่า ถ้าเรามีไขมัน สิ่งที่เราต้องทำคือเมโสแฟต ซึ่งอันที่จริงมันมีโปรแกรมอื่นอีกนะคะ แต่อันนี้เป็นโปรแกรมพื้นฐานเริ่มต้นง่ายๆและค่าใช้จ่ายไม่แพงค่ะ ซึ่งช่วงแรกนั้นถ้าไขมันเยอะ ก็คงต้องทำบ่อย ไม่ใช่ครั้งเดียวแล้วจะหมดเลยนะคะ เพราะงั้นใครที่ดูแล้วตัวเองไขมันเยอะก็แนะนำซื้อเป็นคอร์สจะคุ้มกว่าค่ะ แล้วฉีดต่อเนื่อง จะค่อยๆเห็นการเปลี่ยนแปลงค่ะ แล้วเมื่อพอดีแล้ว จากนั้นก็จะพักไปสักระยะนึงค่ะ อย่างทุกวันนีเม้าซ์แทบไม่ต้องทำไรเลยค่ะ  เมโสแฟตก็ไม่ต้องฉีดแล้วจากที่ช่วงแรกๆต้องใช้เยอะมากค่ะ




ฝากเป็นอุทาหรณ์  : ว่าด้วยความไม่มีจรรยาบรรณในสมัยนี้นั้นพูดยากขึ้นทุกทีนะคะ สิ่งที่เม้าซ์เห็นมาและรู้หลายๆเรื่องก็ใช่ว่าจะมากล่าวอ้างพูดกันลอยๆได้ค่ะ  เม้าก็เตือนได้แค่บางอย่างในช่องทางของเม้า เพราะพูดเยอะก็เป็นภัยกับตัว เรื่องนึงที่เม้าคิดว่าเม้าพูดได้นั่นคือ การเลือกคลินิกอีกเหมือนกันค่ะ สมัยนี้นั้นมีวิถีทางการสร้างกำไรหลายๆอย่าง บางที่นั้นจะเชียร์เราซื้อเป็นคอร์สไว้ค่ะ เพราะโน้มน้าวว่า ต้องทำต่อเนื่อง แต่ความไม่มีจรรยาบรรณที่เม้าหมายถึงนั่นคือ ในการฉีดแต่ละครั้งก็จะมีการผสมน้ำเกลือหรือสารอื่นๆให้ลูกค้าเพื่อการประหยัดต้นทุนค่ะ แต่กว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลานาน ซึ่งเราก็เสียเงินไปเยอะแล้ว จริงๆราคาเมโสแฟตนั้นจะไม่สูงเกินไปนะคะ ลองศึกษาดีๆค่ะ ส่วนวิธีการเชคง่ายๆ ค่ะก็คือตอนที่ไปฉีดเราก็ลองขอยี่ห้อที่หมอใช้และให้หมอดึงน้ำยาจากขวดยาให้เราเห็นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ค่ะ แต่ส่วนมากหมอที่เม้าร่วมงานแต่ละท่านนั้นก็จะใช้วิธีการดึงน้ำยาให้ลูกค้าเห็นตรงนั้นเลยค่ะ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องขอ 




ร้อยไหม Thread Lift
มาถึงอีกโปรแกรมที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยค่ะในการปรับรูปหน้า นั่นคือการร้อยไหม 
หลายๆคนก็เข้าใจผิดกันอีกเวลาเห็นคำโฆษณาของหลายๆคลินิกว่า 

"ร้อยไหมหน้า V- Shape" 
"ร้อยไหมหน้าเรียวสวย" 

พอเห็นคำเหล่านี้ปุ้ปแน่นอน สาวๆเราก็ตาตั้งง่ายๆ แบบ เห้ย ถ้าฉันร้อยไหมหน้าฉันจะเรียวเลยหรอ 
อยากบอกว่า "ถ้าหน้าบานเบอะ หรือปัญหาเยอะ ร้อยไหมอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะคะ" 

จำไว้เลยค่ะง่ายๆ ร้อยไหมมีหน้าที่​ "ยกกระชับหน้าที่หย่อน" อย่างตอนเม้าทำเม้าไม่ได้หน้าหย่อนหรือมีปัญหาอย่างว่าเลย พอทำก็ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดค่ะ แต่ตอนนั้นเม้าทำเพื่อจะเขียนรีวิวแชร์คนอื่น แล้วไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเพราะมีคลินิกหลายๆที่ดูแลตลอดแน่นอนค่ะว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เม้าจะปฏิเสธใช่ไหมคะ ฮ่าๆ แต่ถ้าต้องจ่ายและทำเม้าคิดว่าไม่เอาเงินมาทำโปรแกรมนี้แน่ๆเพราะยังไม่ได้จำเป็นที่จะตัองทำค่ะ เพราะงั้นก่อนทำ เช็คก่อนค่ะว่าหน้าเราร้อยไหมแล้วจะคุ้มไหม จำเป็นไหม​? อย่าให้คำเชิญชวนหลอกกินเงินในกระเป๋าเราง่ายๆค่ะ เพราะการปรับรูปหน้ามีอีกหลายโปรแกรมค่ะที่มีไว้เพื่อเรา

มาดูกันแบบ Advance เรื่องร้อยไหมกันหน่อยค่ะ สัญญาว่าไม่งง 

ร้อยไหมจะมี 2 ประเภทนะคะที่เราทำกันเพื่อความงาม 
1) ไหมละลาย  > ตัวนี้โดยเฉลี่ยจะอยู่ในร่างกายเราแค่ 180 วันก็จะละลายหมดค่ะ ในระหว่างนั้นร่างกายเราจะสร้างเส้นใยคอลลาเจนมาหุ้มค่ะ เป็นที่มาว่าร้อยไหมแล้วผิวบริเวณนั้นจะกลับมากระชับ เด้ง เหมือนหนุ่มสาวนั่นแหละค่ะ มันเป็นกระบวนการแบบนี้ 

2) ไหมไม่ละลาย > ตัวนี้ในบ้านเรา (เมืองไทย) ยังไม่รับรองนะคะ แต่ละประเทศจะให้ผ่าน อย. หรือ FDA  ที่ต่างกันออกไปค่ะ 


คำถามต่อมาอาจจะดูซับซ้อนในเรื่องการร้อยไหม อย่าเพิ่งท้อกันนะคะ สัญญาว่าไม่ยากค่ะ 
ตะกี้บอกแล้วว่าไหมจะมีไหมละลายและไม่ละลาย เอาง่ายๆ ตอนนี้ตัดไหมไม่ละลายไปค่ะ บ้านเราไม่ใช้กัน แต่บางคนอาจจะงงต่อว่า เคยได้ยิน "ไหมทองคำ ไหมกรวย ไหมสกรู ไหมก้างปลา" และอีกเพียบ 

สรุปมันเหมือนกันไหม? 

ง่ายๆเลยค่ะ ไหมละลายเหมือนกัน แต่ "เทคนิคในการร้อยและชนิดไหมต่างกันค่ะ" 
เอาง่ายๆ เหมือนยี่ห้อมือถือที่มีหลายรุ่นไงคะ Iphone5 5S 6 6S Ipad Ipod นึกออกไหมคะมันก็คือ Apple แต่มันก็มีหลายรุ่นหลายอย่าง ไหมก็เหมือนกันเลยค่ะ จะไหมอะไรก็ช่าง "มันก็คือไหม" ไม่ต้องทำให้ตัวเองปวดหัวค่ะ แต่มันจะแยกออกหลายชนิดหลายประเภท แล้วแต่ละประเภทก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะของมันเองค่ะ และถ้าเม้าแยกให้ฟังจะงงกันไหม 5555



"ถึงตรงนี้ก่อนแยกประเภทไหมให้ฟัง เม้าแนะนำว่า ใครไม่ได้สนใจจะร้อยไหม ข้ามไปเลยค่ะ ถ้าสนใจจะร้อยจริงๆค่อยกลับมาอ่านได้ไม่ว่ากันค่ะ เพราะไม่ออกสอบ เดี๋ยวเครียด ฮ่าๆไม่ต้องจำค่ะ"



เนื้อหาเรื่องประเภทของไหมเม้าเองก็ใช้ข้อมูลวิชาการในเนตช่วยนะคะเนื่องจากเยอะและจำไม่ได้ค่ะ 
ไม่ได้เขียนขึ้นเองค่ะ 

1) ไหมประเภทตาข่ายรางแห  Net Thread : เมื่อร้อยเข้าไปไหมจะกางเป็นตาข่าย กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนรอบไหม เหมาะกับการใช้แก้ปัญหารอยย่นบริเวณหน้าผากค่ะ หรือแก้มย้อย และต้องการให้ผิวกระชับขึ้น

2) ไหมสำหรับร้อยใต้ตา Eye Thread : จะเป็นไหมที่เล็กกว่าชนิดอื่นมากๆ เพื่อใช้กับบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา หรือยกคิ้วขึ้นค่ะ

3) ไหมทองคำ  Gold Thread : อันนี้เป็นไหมที่ไม่ละลายค่ะ ** อย.บ้านเราจะไม่รับรอง (ปกติบ้านเราจะไม่รับรองสารที่ถาวรค่ะ เช่นพวก ฟิลเลอร์ถาวรรวมถึงไหมที่ไม่ละลายด้วยค่ะ) อันนี้ที่คนมีตังค์เค้าทำกันแล้วเวลาเข้าเครื่องเอกซเรย์บางอย่างแล้วมีปัญหาค่ะ

ต่อไปเป็นไหมที่หลายๆคลินิกนิยมกันมากที่สุดนะคะ 

4) ไหมกรวย Silhouette : เป็นไหมที่มีลักษณะกรวยเหมือนร่มค่ะ เมื่อใส่เข้าไปแล้วดึงเส้นไหมย้อนกลับ ร่มก็จะกางออก ดึงผิวเราไว้ จะเด่นมากในเรื่องยกกระชับดึงรั้งผิวได้ดีมากค่ะ แก้ปัญหาที่หย่อนคล้อย จึงนิยมมากเพราะเห็นผลทันทีหลังทำชัด แต่ราคาจะค่อนข้างแพงค่ะ ราคาส่วนมากก็หลักหมื่นต่อเส้น
 ** แล้วแต่โปรโมชั่นของคลินิกแต่ละที่ด้วยนะคะ** 





5) ไหมก้างปลา T Thread : อันนี้ก็น่าจะได้ยินกันบ่อยค่ะ ลักษณะจะคล้ายไหมกรวย ที่ใส่เข้าไปพอดึงย้อน ก้างปลาจะกางออกดึงผิว เหมาะกับการยกกระชับผิวบริเวณคอค่ะ


6) ไหมสปริง Spring Thread : เมื่อร้อยเข้าไปแล้วจะบานฟูเหมือนมีสปริงอยู่ในผิวค่ะ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวเหี่ยวย่นหรือมีร่องผิว เช่น บริเวณมุมปากค่ะ



 7) ไหมวีเชฟ V shape : ชื่อนี้สาวๆน่าจะชอบค่ะ จะคล้ายๆไหมตาข่าย ใช้ในการปรับรูปหน้าให้กระชับ วีเชฟมากขึ้นค่ะ



สรุปว่าใครที่จะเหมาะกับการร้อยไหมก็ต้องมาดูอีกทีค่ะ บางคนที่บอกว่า ฉันยังไม่แก่ ยังไม่จำเป็นต้องร้อยไหมก็ไม่ใช่เสมอไปค่ะเพราะเดี๋ยวนี้นั้นมีไหมหลายแบบ และหลายหน้าที่ค่ะอยู่ที่ว่าเราต้องการอะไร และหมอท่านนั้นถนัดที่จะทำอะไร เสนออะไรให้เราเพื่อเป็นทางเลือกค่ะ และการร้อยไหมจะเหมาะสำหรับเหมือนเป็นกำลังเสริมค่ะ  เพราะบางโปรแกรมเมื่อทำแล้ว อาจจะมีแรงไม่พอ ก็จะใช้การร้อยไหมเป็น
กองหนุนเข้าไปเพื่อให้ออกมาเพอร์เฟคมากขึ้นค่ะ 


TIPS สำหรับเม้าข้อดีของการร้อยไหมเม้าว่าอายุของมันค่ะ จะนานกว่าโปรแกรมอื่นๆ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่การดูแลร่างกายการใช้งานร่างกายของแต่ละคนด้วยค่ะ และอยู่ที่ชนิดของไหมค่ะ แต่หลังทำนั้นในไหมบางชนิดก็อาจจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆนานเกือบเดือนค่ะ อย่างตอนเม้าทำนั้นจะเป็นไหมที่เห็นผลทันทีหลังทำ ซึ่งเม้าจำไม่ได้แน่ชัดว่าใช้ไหมประเภทไหนแต่จะรู้สึกแปลกๆ ไปเกือบเดือนค่ะ ซึ่งเม้าไม่ได้วิตกนะคะหลังทำเพราะรู้ แต่กับบางคนที่ไม่เคยทำอาจจะ ไม่ชินและสร้างความวิตกค่ะ และจะมีข้อห้ามบางอย่างเช่น ห้ามอ้าปากหาวกว้างๆ เป็นต้นค่ะ และเวลาสระผมจะต้องเบามือในบริเวณที่ไหมร้อยเข้าไปค่ะ  (ร้อยตั้งแต่ตีนผม) ก็จะดำเนินชีวิตประจำวันแปลกไปกว่าเดิมเล็กน้อยค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ไหมทุกประเภทนะคะ สบายใจได้ค่ะ


"เคยร้อยไหมแล้วไม่เห็นผล?" 
ถ้าใครมีคำถามแบบนี้ต้องย้อนถามว่า ไหมที่ร้อยนั้นไหมอะไร ร้อยไปแค่ไหน แล้วใช่ไหมที่เหมาะกับปัญหาเราไหมค่ะ เพราะบางคนก็ไม่ได้มีความรู้อะไรตรงนี้ค่ะ สั่งแต่ว่า อยากร้อยไหม ไปร้อยแต่ร้อยแล้วกลับไม่เห็นผล เพราะไหมบางประเภทต้องรอครบเดือนถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงค่ะ ซึ่งส่วนตัวเม้าจะไม่ชอบรอค่ะ เพราะเคยร้อยไหมพวกนั้นแล้ว พอถึงเดือนมันรู้สึกไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ารู้สึกว่าร้อยแล้วไม่เห็นผลก็อยู่ที่ฝีมือหมอด้วยค่ะ , ปริมาณไหมกับความสมดุลที่แต่ละคนต้องทำ เป็นต้นค่ะ


"จบเรื่องร้อยไหมแล้วใครมีคำถามอะไรค่อยมาส่วนตัวนะคะ
ไม่งั้นกลัวเนื้อหาจะหนักไปค่ะ "


Filler ฟิลเลอร์ 
มาถึงอีกชื่อที่เราจะได้ยินบ่อยๆสำหรับการปรับรูปหน้าค่ะ สิ่งนึงที่ให้จำไว้เลยนะคะ ข้อแตกต่างของฟิลเลอร์กับโปรแกรมอื่นๆนั่นคือ "ฟิลเลอร์ใช้เติมเต็ม" แต่โปรแกรมอื่นๆนั้นส่วนมากจะฉีดเข้าไปเพื่อลด
ซึ่งเป็นโปรแกรมที่หลายๆคนขาดไม่ได้ เพราะประโยชน์ของมันนั้นหลายอย่าง เช่นคนที่หน้าเว้า หน้าตอบ มีส่วนขาดเยอะ เพราะการที่เรามีปัญหาตอบ เว้านั้นจะยิ่งทำให้เราดูแก่ ไม่สดใส มองแล้วไม่มีเสน่ห์ค่ะ เราลองเปิดรูปดาราดังๆได้ค่ะ ทั้งดาราจีน ดาราฮ่องกง หรือดาราบ้านเราส่วนมากหน้าเค้าจะเต็มหมด จะไม่มีส่วนเว้าขาด ตอบค่ะ  แต่อ่านถึงตรงนี้หลายคนก็อาจจะรีบส่ายหัวเมื่อได้ยินคำว่าฟิลเลอร์ค่ะ เพราะกลัว ซึ่งเม้าเองก็เคยกลัว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เมื่อศึกษาข้อมูลหลายๆที่ ทั้งจากที่ศึกษาเองและจากหมอหลายๆท่าน ฟิลเลอร์จริงๆไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดกันเลยค่ะ เพียงแต่มีหลายๆข่าวที่เกิดจากฟิลเลอร์ เลยทำให้ดูน่ากลัว ซึ่งจะอันตรายไหมก็ต่อเมื่อการใช้งานที่ผิดๆ ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีคุณภาพบ้าง ฟิลเลอร์ปลอมบ้าง รวมถึงการฉีดกับหมอที่ไม่มีความชำนาญก็อันตรายค่ะ เพราะถ้าเกิดพูดถึงเจ้าฟิลเลอร์แล้ว มันเป็นตัวช่วยในเรื่องความงามด้านดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ


อย่างเม้าซ์เองชอบนะคะ ชอบฟิลเลอร์ ซึ่งฟิลเลอร์ก็มีหลายยี่ห้อ แล้วแต่ละยี่ห้อก็มีหลายรุ่น หลายชนิดค่ะ เอาให้เห็นภาพก็เหมือน Iphone ที่มีแยกออกเป็นหลายรุ่น 5 5S 6 6S เหมือนกันเลยค่ะ เพื่อให้เหมาะกับแต่ละจุดที่เราใช้ฉีดเข้าไปค่ะ แต่บ้านเราก็มีนิยมใช้ไม่กี่ยี่ห้อ ที่เพื่อนๆคุ้นๆหูก็จะมี เพอร์เฟคต้า , 
เรสเตอเรน เป็นต้นค่ะ คุ้นกันบ้างไหมเอ่ย? ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละชนิดนั้นก็จะมีความต่างกันที่ โมเลกุลด้วยค่ะ ที่เค้าออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ กลาง แข็ง และอ่อนนุ่มค่ะ เช่นถ้าเราจะเติมเต็มใต้ตาก็ต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและอ่อนนุ่มค่ะ


"เม้าฉีดฟิลเลอร์ส่วนไหนบ้าง?" 
ที่ชัดที่สุดคือ "คาง" ค่ะ เม้าจะใช้การฉีดตลอดค่ะ หลายปีก่อนเม้าเริ่มฉีดครั้งแรกค่ะ กับหมออีกท่านนึง ซึ่งลักษณะจะแหลมกว่าปัจจุบันเล็กน้อยค่ะ เป็นครั้งแรกที่เม้าเริ่มการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ ตอนนั้นบอกเลยว่าตื่นเต้นใช้ได้เลยค่ะ หลังฉีดจะชาๆ ตื้อๆ หนักๆ หน่วงๆ บริเวณคางไปหลายวันเลย น่าจะเพราะไม่เคยทำและไม่ชินกับความรู้สึกที่ว่า การฉีดก็เหมือนการฉีดของหมอหลายๆท่าน คือจิ้มเข็มเข้าไปแล้วฉีด
แต่หลังจากนั้นสัก 10 วันก็เริ่มชินค่ะ ชอบมีคนถามว่า มันธรรมชาติไหม มันดีกว่าเสริมยังไง ? ดูจากคางเม้าได้ค่ะ เม้าชอบการฉีดเพราะแก้ไขง่าย ธรรมชาติ บิดได้ ไม่เคยรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกปลอมค่ะ ส่วนการเสริมแน่นอนมันคือการผ่าตัด เม้าไม่โอเคกับการจะผ่าตัดเสริมคางค่ะ ไม่อยากพักฟื้นและไม่ต้องการผ่าตัด แล้วเห็นหลายๆคนที่ผ่าตัดแล้วแต่ปรากฏว่าดูไม่ธรรมชาติ จะแก้ไขก็ยาก แต่ข้อดีข้อเสียก็มีต่างกันออกไป เม้าว่าแล้วแต่คนชอบมากกว่าค่ะ ค่าใช้จ่ายก็พอๆ กันดีไม่ดีการฉีดฟิลเลอร์จะแพงกว่าด้วยซ้ำค่ะ แล้วต้องเติมเรื่อยๆ แต่เม้าเลือกแล้ว เลือกการฉีดให้ตัวเองเม้าโอเคกับตรงนี้


ผ่านมาหลายปีเม้ารู้สึกว่าบริเวณที่เม้าฉีดนั้น เริ่มมีสิวขึ้นซ้ำๆ ถึงแม้จะไม่เยอะแต่ขึ้นทีก็ดูอักเสบ และหาสาเหตุไม่ได้ค่ะ ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนมีสิว เม้าหาข้อมูลและพบว่าอาจจะเพราะฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่ได้มีคุณภาพดีพอค่ะ เม้าเลยได้ฉีดสลายแล้วฉีดอีกครั้งกับหมออิ๋ว ซึ่งเทคนิคที่หมออิ๋วฉีดให้เม้าซ์ก็คือการฉีดแบบเติม Prejowl ด้วยค่ะ ซึ่งผลที่ได้เม้าบอกเลยว่าเม้า Happy มากๆ กับคางใหม่ตัวเองค่ะ ถ้าเทียบกับคางเดิมเม้าว่ามันเหมือนคางพริตตี้ (เม้าไม่ได้จะตำหนิหรืออคติกับพริตตี้เลยนะคะ พริตตี้สวยๆเยอะค่ะ แต่ที่เม้าใช้คำว่าพริตตี้เพราะให้เห็นพิมหน้าชัดค่ะ เพราะสาวๆอาจจะนึกภาพออกเพราะส่วนมากนิยมรูปหน้าคล้ายๆกัน คือคางแหลมๆหน้าเรียวๆยาวลงมาค่ะ) เพราะงั้นใครสนใจจะเติมคางด้วยฟิลเลอร์เม้าแนะนำมาก ให้ลองทำกับหมออิ๋วค่ะ ส่วนตัวเม้าชอบการตีโจทย์และการแก้ไขรูปหน้าแต่ละคนของหมออิ๋วค่ะ บางคนอาจจะชอบหมอที่แก่ๆ เพราะดูประสบการณ์เยอะ และเม้ารู้จักหมอเก่งๆ หลายท่านค่ะ แต่ถามว่าทำไมเม้าชอบหมออิ๋ว ทั้งที่ยังวัยรุ่น เพราะเม้าดูจากฝีมือและหมอท่านนี้สามารถโต้ตอบและจัดโปรแกรมให้เม้าเห็นภาพอย่างที่เม้าต้องการ และรู้สึกว่าคุยกับหมอแล้วเห็นภาพ และเป็นอย่างที่เม้าซ์ต้องการมากกว่าท่านอื่นค่ะ เอาง่ายๆคือแล้วแต่สเปค ซึ่งกับเรื่องรูปหน้าเม้าเลือกหมออิ๋ว เป็นหมอในอุดมคติที่เม้าชอบค่ะ


TIPS การเติมคางนั้น เราต้องคำนึงถึงอีกหลายๆปัจจัยด้วยนะคะ ใช่ว่าอยากจะเติมเท่าไหร่ก็เติม บางคนคางแหลมเหมือนแม่มด การเติมคางนั้นต้องดูสัดส่วนรูปหน้าด้วยค่ะ ซึ่งถ้าเกิดมันไม่สมดุลกัน ก็จะออกมาไม่สมส่วนจะดูไม่สวยค่ะ 


ต่อมา "หน้าผาก" ตรงนี้เม้าเคยรีวิวไว้ละเอียดเลยใน Blog นี้นะคะ ลองย้อนดูได้ค่ะ จะไม่ลงรายละเอียดมากนะคะ แต่ถามว่าก่อนและหลังต่างกันไหม ?​ แทบจะดูไม่ออกค่ะ ดูไม่ออกไม่ได้หมายความว่าหมอทำไม่ดีนะคะ แต่เดิมทีหน้าผากเม้านูนอยู่แล้ว แต่เหมือนเดิมว่าตอนนั้นเม้าอยากจะลอง และทำเพื่อนำมาเขียนรีวิวและให้คำปรึกษาคนอื่นได้ค่ะ  อ่อลืมบอกการเติมหน้าผากไม่ได้จำเป็นต้องเติมเพื่อให้นูนเสมอไปนะคะ จะมีการเติมอีกแบบ คือ "การเติมเต็ม" ซึ่งจะสำหรับคนที่หน้าผากนูนอยู่แล้วแต่จะเติมบางส่วนที่มีความเว้าเพื่อปรับให้หน้าดูเด็กและเพื่อปรับโหงวเฮ้งค่ะ ซึ่งบริเวณที่เม้าเติมคือบริเวณเหนือคิ้วไม่เยอะค่ะ จึงไม่ได้เห็นว่าแตกต่างกันเท่าไหร่ค่ะ ซึ่งที่อยากแนะนำคือ การเติมฟิลเลอร์หน้าผากนั้น มีความเสี่ยงสูงนะคะ เพราะบริเวณหน้าผากเส้นประสาทเยอะ ต้องใช้ความชำนาญของหมอจริงๆค่ะ เพราะถ้าเกิดพลาดมาอาจจะทำให้ตาบอดได้ค่ะ และเข็มที่ใช้ต้องเป็นลักษณะเข็มปลายทู่ค่ะ (แคนนูล่า)

TIPS การเติมหน้าผากนั้นเม้าเหนบางคนเติมซะนูนเหมือนปลาทองที่หัวปูดตลอดเวลา แบบนั้นมันดูเกินงามนะคะ มันจะเด่นกว่าหน้า ทุกอย่างเราต้องให้มีความบาลานซ์กันค่ะ ไม่ใช่อะไรเด่นกว่า จะดูภาพรวมแล้วไม่ดีค่ะ 

ถ้าพูดถึงหน้าผากแล้วแน่นอนว่า บริเวณ ขมับ ก็เป็นจุดที่น่าสนใจค่ะ ซึ่งเม้าเองก็เคยเติมค่ะ เพราะจุดด้อยบนหน้าเม้าคือ โหนก โหนกแก้มจะชัดมาก หากจะแก้ไขต้องทุบเหลากระดูกอย่างเดียวค่ะ ซึ่งเม้าไม่ต้องการจะทำขั้นนั้น ที่เม้าต้องทำคือ เติมขมับเพื่อพลางตา ให้โหนกแก้มเด่นน้อยลงค่ะ 

ไม่นานนี้เม้าเองก็เพิ่งเติม ใต้ตา ค่ะ เป็นอีกจุดที่เม้าชอบมาก ซึ่งหมออิ๋วก็เป็นคนจัดการให้เม้าค่ะ ถามว่าเม้าเป็นคนใต้ตาลึกไหม ไม่เลยนะคะ แต่อย่างที่บอกว่าทำงานด้านนี้ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำค่ะ ถ้ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายค่ะ ซึ่งปกติไม่ใช่คนที่ใต้ตาลึก เว้า หรือ คล้ำค่ะ แต่ทำเพื่อให้ดูเด็กขึ้นอีกและเพิ่มความมั่นใจค่ะ ใต้ตานี้จะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่โมเลกุลขนาดเล็กค่ะ เพื่อความเป็นธรรมชาติ จับดูก็จะไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ใต้ผิวเลยค่ะ เพราะงั้นใครที่ใต้ตา เว้าลึก หรือคล้ำมากๆ การเติมเต็มใต้ตานี้จะช่วยได้มากค่ะ จะดูดีขึ้นเยอะมากๆแนะนำค่ะ

TIPS จริงๆยังมีการเติมดอลลี่อายแบบเทรนด์เกาหลีด้วยนะคะที่ สาวๆ หลายคนนิยม ซึ่งส่วนตัวเม้าไม่ค่อยชอบนักค่ะ เม้าคิดว่าโดยธรรมชาติ ผู้หญิงเราเวลายิ้มจะมีดอลลี่อายใต้ตาเล็กๆอยู่แล้วค่ะ บางคนเติมมาซะน่ากลัว แล้วยังไม่พอ ก็เติมไฮไลท์สีขาวลงไปเพิ่มความเด่นอีก จะยิ่งดูน่ากลัวค่ะ 



มาพูดถึงรูปหน้ากันต่อค่ะ สิ่งที่เม้าจะชอบอีกอย่างนั้นคือ เมื่อมองด้านข้างแล้ว รูปหน้าจะต้องดูเป็น S curve ค่ะทุกอย่างต้องรับกันหมดค่ะ ซึ่งมุมนี้เองจะเป็นมุมที่เม้ามั่นใจที่สุด ไม่ใช่มุมตรงค่ะ ฮ่าๆ  





หลังจากที่เราได้รู้จักหน้าที่ของแต่ละ โปรแกรมที่นิยมในการใช้ปรับรูปหน้าแล้วนะคะ คราวนี้เรามาดูกันต่อค่ะว่าเราต้องทำอะไร  ซึ่งตรงนี้เราต้องจัดโปรแกรมให้เหมาะกับหน้าเราค่ะ


STEP ต่อมาคือการ "จัดโปรแกรม" ที่เหมาะกับรูปหน้าแต่ละคน ตรงนี้จะเป็นข้อสำคัญของสาวๆนะคะ ถ้าเราจัดโปรแกรมให้ตัวเองไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องก็พลาดค่ะ อาจจะทำยังไงก็ไม่ได้ดูดีขึ้นไม่ก็ทำเยอะมากจนจากที่จะดูดีกลายเป็นยิ่งทำยิ่งแย่ แต่อาจจะไม่รู้ตัว ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่งบของแต่ละคนด้วยค่ะ
การปรับรูปหน้าจริงๆ ต้องใช้เงินเยอะนะคะ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกๆ แน่นอนว่าต้องใช้งบเยอะหน่อย หากเราไม่ได้มีงบเยอะพอ เม้าแนะนำให้ค่อยๆทำค่ะ ทำเท่าที่เราไหวค่ะ แต่ให้เลือกลำดับให้ถูก แล้วการปรับรูปหน้าบางทีต้องรอค่ะ จะให้ทำแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยไม่ได้ เพราะบางโปรแกรมต้องใช้เวลารอค่ะ ตรงนี้ถ้าเกิดกลัวว่าจะจัดโปรแกรมไม่ถูกก็ปรึกษาหรือหรือใครอยากจะให้เม้าช่วยเหลือก็ยินดีค่ะ Line มาได้ค่ะแต่อาจจะตอบช้าหน่อยเพราะ ไลน์ที่แอดเข้ามาค่อนข้างเยอะค่ะ 
Line ID @arindada.k (มี@นะคะ) 


อ่านถึงตรงนี้แล้ว 
เม้าหวังว่าเพื่อนๆคงจะพอนึกภาพออกแล้วใช่ไหมคะว่า การปรับรูปหน้านั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเสมอไปมันต้องค่อยเป็นค่อยไป จะทำครั้งเดียวจบเหมือนศัลยกรรมไม่ได้ เม้าไม่ได้เขียนเพื่อรีวิว โปรแกรมที่ตัวเองทำ เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆเข้าใจว่า ถ้าทำแบบเม้าซ์แล้วจะดูดีขึ้น เพราะรูปหน้าแต่ละคน ต่างกันค่ะ อย่างของเม้าเอง เม้าเป็นคน หน้ากลม บาน สั้น สิ่งที่เม้าต้องแก้ไข คือ ลดความบาน และเติมคางเพื่อให้ดูหน้าเรียว ยาวขึ้น แต่ด้วยช่วงหน้าที่สั้นและไม่เหมาะกับหน้ายาว เพราะเครื่องหน้าเม้าจะเล็ก ตา จมูก ปาก ถ้ายาวเกินไปแล้วจะดูไม่สมส่วน คางเองก็ต้องรับกับสัดส่วนหน้าผาก จมูก ค่ะถ้ายาวเกินไปก็จะดูหมดเสน่ห์  เม้าจึงต้องเน้นให้หน้าเล็ก นี่คือปัญหารูปหน้าเม้าซ์ค่ะ แต่ความโชคดีของเม้าซ์คือ แม้หน้าจะกลม สั้น แต่ก็ยังสมส่วน พอลด เติมนิดๆหน่อยๆก็เลยทำให้ดูดีขึ้นค่ะ บวกกับเครื่องหน้า (ตา จมูก ปาก) ที่ค่อนข้างสมส่วน มันเลยทำให้แค่การปรับรูปหน้าให้เล็กลงนั้นดูดีขึ้นได้มากค่ะ เพราะงั้นก่อนอื่นสาวๆต้องส่องกระจกนะคะ ลองมองให้ออกว่า จุดเด่นบนหน้า ของเราคืออะไร จุดไหนที่ควรเติม จุดไหนที่ควรลดค่ะ ดึงออกมาให้ได้ แต่ละคนจะมีเสน่ห์ และจุดเด่นบนหน้าของตัวเองค่ะ ดึงมันออกมา และกลบจุดด้อยค่ะ ไม่มีใครที่เพอร์เฟค เราไม่จำเป็นถึงกับต้องผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนหน้าค่ะ แต่เราปรับนิดๆหน่อยๆเพื่อให้เราดูดีขึ้นได้ค่ะ แล้วยังมีความเป็นเราอยู่นี่คือเสน่ห์ของการปรับรูปหน้าด้วยการฉีดค่ะ


แล้วเราต้องทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?​
การปรับรูปหน้าไม่ใช่ถาวรค่ะ แต่การทำต่อเนื่องนั้นจะเหนื่อยแค่ช่วงแรกๆค่ะ เม้าเองก็ต้องเข้าออกคลินิกแทบจะทุกอาทิตย์ในช่วงแรกๆค่ะ แต่เมื่อมันเริ่มอยู่ตัว เราจะรู้ตัวเราเองค่ะว่า เราต้องการอะไร ช่วงไหนที่แก้มเริ่มเยอะก็มาฉีดเมโสแฟทสักหน่อย เมื่อเริ่มรู้สึกกรามเริ่มมา ก็จัดโบทอกซ์สักหน่อย หรือจะลองโปรแกรมอื่นก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีอะไรให้ลองเยอะมาก อยู่ที่งบเราจะไหวไหม อย่างที่เม้าเพิ่งรีวิวไป คือพวกเครื่องตระกูลอัลเทอร่า เทอมาจ ที่จะเป็นการยิงคลื่นลงไปกับผิวนอนสบายๆ หลังจากนั้นเดือนสองเดือน กรอบหน้าชัด และหน้าดูเล็ก ได้รูปขึ้นมากค่ะ กลายเป็นโปรแกรมโปรดที่เม้าให้หมออิ๋วจัดให้ตลอดทุก 3-4 เดือน ซึ่งตรงนี้เพื่อนๆก็ต้องทำไปตาม Step นะคะอยู่ดีๆ ไม่เคยทำอะไรเลยแล้วจะมาทำแบบเม้าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะค่ะ กลัวว่าจะเห็นผลนิดๆหน่อยๆ เสียดายเงินเปล่าๆ เพราะงั้นตอนนี้เราลุกมาดูแลตัวเองดีกว่าค่ะ เม้าเชื่อว่าถ้ารูปหน้าเราสวย ทำให้เราดูดีขึ้นได้มากๆ ค่ะ แล้วทุกคนทำได้ เพราะขนาดเม้าจากรูปหน้ากลมๆ บานๆ ก็กลายเป็นรูปหน้าแบบนี้ได้ แล้วมันสร้างความมั่นใจให้เราได้เยอะมากค่ะ เห็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นได้ เพิ่มความมั่นใจ ก็มีเรื่องดีๆ ตามมาค่ะ โดยที่เราไม่ได้ศัลยกรรมอะไรเยอะเลย แต่ดูทำให้เราดูเปลี่ยนไปเยอะเพราะแค่รูปหน้าค่ะ



สุดท้ายแล้วเม้าอยากขอบคุณหมออิ๋ว ที่เหมือนพี่สาวที่คอยแนะนำ คอยสอนในเรื่อง การปรับรูปหน้าเยอะมากๆค่ะ แถมดูแลให้เม้าดูดีขึ้นเรื่อยๆ ดูเด็กลงเรื่อยๆ อันนี้แหละค่ะ เสน่ห์ของการปรับรูปหน้า ย้อนไปดูตัวเองในอดีต สมัยมหาลัย ยังรู้สึกตอนนี้หน้าเด็กกว่าตอนนั้นเลยค่ะ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจ อยากให้ช่วยเหลืออะไร ตามมาส่วนตัวละกันนะคะ ยินดีแนะนำค่ะ 




Facebook : https://www.facebook.com/arindada.k
Instagram : @arindada.k / @reviewdada
Line ID @arindada.k (มี@นะคะ) 








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Review ประสบการณ์ทำตากับบียอน(เทคนิคเย็บจุดเดียว)

TOPIC นี้เม้าซ์เอารูปปัจจุบันที่เห็นตาชัดๆ ให้ดูก่อนนะคะ     วันนี้เอาใจสาวๆที่เชียร์ให้เขียน Topic นี้กันค่ะ หลังจากที่ทำไปแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ ส่วนมากก็ Review ลงแค่ใน IG แต่ก็ไม่สามารถสาธยายได้ยาวเหยียดเท่าในนี้นัก งั้นวันนี้ลองมาอ่านแบบละเอียดกันดูค่ะ หรือใครที่ search จาก Google ก็สามารถเข้าไป ดู Review อีกแนวได้ทาง IG เม้านะคะ Search : @arindada.k / @reviewdada ก็ตามสะดวกเลยค่ะ ก่อนอื่นเม้าต้องขอพูดถึงลักษณะตามเม้าซ์ก่อนนะคะ พร้อมภาพประกอบ  ตามที่เคยบอกบ่อยๆ ว่าเม้าไม่เคยศัลยกรรมอะไรมาก่อนนอกจาก "จมูก" จริงๆ และตาเป็นอวัยวะที่เพื่อนๆถามถึงบ่อยมาก ว่าทำที่ไหน และเม้าก็ตอบตามความจริงว่า ไม่เคยทำ ซึ่งคนก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เม้าก็ไม่สามารถที่จะไปขอร้องให้ทุกคนเชื่อได้ทั้งหมด เพราะปกติเม้าไม่ใช่คนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมและถึงแม้ว่าจะเป็นคนให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเม้าทำอะไรเม้าสามารถบอกได้ทุกอย่างค่ะ จนมาถึงตอนนี้ก็เป็นครั้งแรกจริงๆ กับประสบการณ์ "ทำตา" และเม้าเต็มใจที่จะแชร์ให

Reviewตัดเหงือกกับ Dental me เชียงใหม่ (Gummy Smile)

Topic นี้เม้าซ์ขอแหวกแนวบ้างนะคะ จากที่จะพูดเรื่องศัลยกรรมขอมาที่เรื่อง "ฟัน" บ้างนะคะ  เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เม้าซ์อยากจะทำมานานมากแล้ว และเป็นเหมือนปมด้อยที่ถูกล้อบ่อยๆ นั่นคือเรื่องของ  "ยิ้มเห็นเหงือก"  ค่ะ หรือเรียกแบบเก๋ๆว่า  Gummy Smile  ฟังดูน่ารัก เนาะ ฮ่าๆ  มาขยายความเรื่องนี้กันหน่อยนะคะ ก่อนจะไปตามอ่านรีวิวกัน  Gummy Smile   คือการที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากกว่าปกติค่ะ ที่ฟันบน แน่นอนว่าใครที่มีปัญหานี้คงขาดความมั่นใจ เพราะมันดูไม่สวย ยิ่งเม้าซ์นี่ทำงานด้านนี้ ยิ้มเห็นเหงือกไม่พอ แต่ฟันเล็ก สั้นด้วยค่ะ ปากก็เล็ก ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนฟันหนู บางคนก็บอกน่ารักดี แต่ตัวเหงือกนี่แหละค่ะตัวปัญหา เลยกลายเป็นคนยิ้มไม่เป็น พอถ่ายรูปทีตากล้องต้องขอให้ยิ้มเห็นฟันตลอด ก็รู้สึกทำได้ไม่ดี แล้วเวลาเผลอหัวเราะ คุยเรื่องสนุกกับเพื่อน ยิ้มทีเหงือกมาเต็มค่ะ ยิ่งเวลาเจอเก็บภาพช่วงเผลอ ตอนหัวเราะ ตอนยิ้มเห็นเหงือกแบบที่ว่า ยิ่งดูน่าเกลียดไปกันใหญ่  แฟนก็ล้อตลอด แล้วเป็นคนฟันสั้น ปากเล็กด้วยค่ะ ถ้ายิ้มธรรมดากฌจะไม่เห็นเท่าไหร่ ต้องตอนเผลอ   เลยกลาย

แค่เริ่มจากล้างหน้าให้สะอาดก็เข้าใกล้หน้าใส

ก่อนที่จะอ่าน Topic นี้เม้าขอเพื่อนๆอย่างนึงว่า  "ขอให้อ่านจนจบค่ะ แล้วสงสัยตรงไหนค่อยถามหลังอ่านจบแล้วนะคะ" เหตุผลที่เม้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพราะ แชร์ประสบการณ์การดูแลผิวสำหรับเพื่อนๆที่อยากหน้าใส ได้รู้วิธีที่ถูกต้อง และเป็น Topic ที่อยากจะให้ทุกๆคนได้อ่าน เพื่อเข้าใจอะไรที่ถูกต้อง และเพื่อแบ่งเบาตัวเองด้วย เนื่องจากเรื่องผิวค่อนข้างละเอียดอ่อน เม้าไม่สามารถที่จะนั่งตอบคำถาม และอธิบายให้ทุกคนที่เข้ามาปรึกษาได้อย่างยาวเหยียดว่า เราต้องทำยังไงกับผิวหน้าตัวเองบ้าง เพราะเรื่องผิวละเอียดมากๆค่ะ และการจะให้คำปรึกษาแต่ละเคส ใช้เวลานานมากเช่นกันค่ะ "หากอยากจะหน้าใส ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่รู้วิธี เพื่อนๆเองก็ต้องเริ่มจากอ่านค่ะ อ่านมันให้จบ และหลังจากนั้น ค่อยถามในสิ่งที่เม้าไม่ได้เขียนไว้ใน Blog นี้  ได้ตามสบายค่ะ เพื่อแบ่งเบาให้เม้าและเพื่อตัวเพื่อนๆเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดน้า จะได้ดีกับทั้งคนให้คำปรึกษาและเพื่อนๆเองนะคะ"  สิ่งที่เม้าจะเขียนนี้ คือ “การดูแลผิวหน้าตามแบบเม้าซ์ ” นั่นเพราะว่ามีวิธีดูแลผิวอีก 108 พันอย่าง